โอสถสภาโชว์กำไรสุทธิปี 63 กว่า 3 พันล้าน การเงินแข็งแกร่ง มาร์เก็ตแชร์โต

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

โอสถสภาโชว์กำไรสุทธิปี 63 กว่า 3 พันล้าน การเงินแข็งแกร่ง มาร์เก็ตแชร์โต

Date Time: 26 ก.พ. 2564 13:00 น.

Video

“ไทยรัฐ โลจิสติคส์” ถอดคราบ “ยักษ์เขียว” มุ่งสู่ขนส่งครบวงจร | Thairath Money Talk

Summary

  • โอสถสภา โชว์กำไรสุทธิปี 63 สวนกระแสโควิด-19 กว่า 3,504 ล้านบาท สถานะการเงินแข็งแกร่ง มาร์เก็ตแชร์โต พร้อมจ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลังอีก 0.65 บาทต่อหุ้น รวมจ่ายปันผลทั้งปี 1.1 บาทต่อหุ้น

Latest


โอสถสภา โชว์กำไรสุทธิปี 63 สวนกระแสโควิด-19 กว่า 3,504 ล้านบาท สถานะการเงินแข็งแกร่ง มาร์เก็ตแชร์โต พร้อมจ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลังอีก 0.65 บาทต่อหุ้น รวมจ่ายปันผลทั้งปี 1.1 บาทต่อหุ้น

นายธนา ไชยประสิทธิ์ รักษาการ CEO บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP กล่าวว่า ปี 2563 ถือเป็นปีแห่งความท้าทายจากผลกระทบด้านเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในส่วน OSP ใช้การบริหารธุรกิจแบบ Agility ที่เน้นความรวดเร็ว ยืดหยุ่น และแสวงหาโอกาสจากการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว

รวมถึงการมีเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่เข้มแข็ง ทำให้ OSP สามารถบริหารจัดการความเสี่ยงต่างๆ ได้ดี ประกอบกับการบริหารจัดการต้นทุนภายใต้โครงการ Fit Fast Firm ที่ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพและดีกว่าแผนงานที่วางไว้

ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในปี 63 มีรายได้รวม 26,129 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 3,504 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 7.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 62 โดยยังคงมีสถานะทางการเงิน และกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง พร้อมเปิดรับพันธมิตรต่อยอดธุรกิจ

อย่างไรก็ตาม แม้ภาพรวมของตลาดหดตัวผู้บริโภคจับจ่ายใช้สอยอย่างระมัดระวัง แต่ด้วยกลยุทธ์ทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพและเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่เข้มแข็ง ทำให้โอสถสภาสามารถขยายส่วนแบ่งการตลาดของสินค้าทั้งกลุ่มเครื่องดื่มและกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล สวนกระแสตลาด

โดยเฉพาะความมั่นใจในคุณภาพที่ผู้บริโภคมีต่อแบรนด์ เอ็ม-150 ช่วยเสริมให้กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มบำรุงกำลังมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 54.5% ขณะที่การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ ซีวิท ช่วยผลักดันการขยายตัวของตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชันนอลดริงก์ที่ 9% และซีวิทยังครองอันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 31% ในปีที่ผ่านมา หลังจากที่บริษัทฯ ได้ขยายช่องทางการจำหน่ายไปยังช่องทางใหม่ๆ อาทิ ร้านไก่ย่างห้าดาว ร้านส่งพัสดุเคอรี่ และทำตลาดแบบเน้นการบริโภคในครัวเรือน

ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลนั้น สามารถทำส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในไตรมาส 4/2563 เช่นกัน โดยเฉพาะแบรนด์เบบี้มายด์ ที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดในหมวดสินค้าสบู่เหลวและแป้งฝุ่น

ขณะที่ตลาดในประเทศเมียนมานั้น บริษัทฯ ยังคงรักษาความเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังไว้ได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 30% มีโรงงานแห่งใหม่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการกระจายสินค้าให้ครอบคลุมพื้นที่ในเมียนมาได้อย่างมีคุณภาพ รวดเร็วและทั่วถึงมากขึ้น พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนการผลิตและค่าขนส่ง ผลักดันให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น

“สถานการณ์ในเมียนมาอาจมีผลกระทบต่อการขนส่งและการดำเนินงานในระยะสั้น ซึ่งบริษัทฯ มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด”

ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 ก.พ.64 ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเสนอจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานในปี 2563 ในอัตรา 1.1 บาทต่อหุ้น เป็นจำนวนเงิน 3,304 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินปันผลระหว่างกาลอัตรา 0.45 บาทต่อหุ้น คงเหลือเงินปันผลที่ต้องจ่ายเพิ่ม 0.65 บาทต่อหุ้น

โดยจะจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นที่มีรายชื่อ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 6 พ.ค. 64 และจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 25 พ.ค. 64 โดยจะขออนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นต่อไป

สำหรับแผนดำเนินงานในปี 2564 นั้น บริษัทฯ จะเน้นกลยุทธ์สร้างความเข้มแข็งใน 5 มิติ ได้แก่ สร้างการเติบโตในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มบำรุงกำลัง ขยายตลาดเครื่องดื่มซีวิท ขยายธุรกิจในประเทศเมียนมา เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของโครงการ Fit Fast Firm และขับเคลื่อนธุรกิจด้วยความยั่งยืน (Sustainability) เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้น


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์