"วายแอลจี" เผยแนวโน้มราคาทองคำช่วงตรุษจีนปีนี้ คาดราคาในตลาดโลกยังแกว่งตัวแคบ แม้มีแรงซื้อจากจีน-สิงคโปร์ แต่ยังมีปัจจัยกดดันจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่เริ่มแข็ง หลังมีความกังวลมาตรการกระตุ้นการคลังของ "โจ ไบเดน" แนะจับตาความสัมพันธ์ "จีน-สหรัฐฯ" ประเด็นขัดแย้ง "จีน-ไต้หวัน"
เมื่อวันที่ 28 ม.ค.64 นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ผู้นำเข้าและส่งออกทองคำแท่งรายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า ทิศทางราคาทองคำช่วงตรุษจีนปีนี้จะไม่หวือหวามาก แม้จะมีกำลังซื้อจากจีนและสิงคโปร์เข้ามากระตุ้นให้ราคาในตลาดโลกขยับ แต่คาดว่าราคาในประเทศจะยังไม่ปรับตัวไปถึงระดับ 28,000 บาท เพราะหากจะขึ้นไปถึงระดับนั้นจะต้องมีปัจจัยสนับสนุนที่มีน้ำหนักมากกว่านี้ โดยปัจจุบันราคาทองคำยังเคลื่อนไหวในลักษณะแกว่งตัวแคบ ปัจจัยที่น่าจับตาอันดับแรก คือ ปัจจัยความขัดแย้งระหว่างจีน-สหรัฐฯ ในประเด็นความขัดแย้งระหว่างจีนกับไต้หวัน ที่สหรัฐฯ เข้ามามีบทบาทในการสนับสนุนไต้หวัน ถึงแม้ว่าประเด็นนี้จะเป็นปัจจัยหนุนทอง แต่อย่างไรก็ตาม การยังมีปัจจัยกดดันราคาทอง จากกรณีที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่า จากการวิตกของมาตรการกระตุ้นทางการคลังของ นายโจ ไบเดน มูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่อาจจะต้องลดวงเงินลงเพื่อลดการถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสภาคองเกรส ทำให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง แล้วถือครองดอลลาร์สหรัฐในฐานะสกุลเงินปลอดภัย
สำหรับทิศทางการเคลื่อนไหวของทองคำในช่วงนี้ มองว่าจะยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบ แม้จะมีข่าวการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่อาจจะทำให้ภาพรวมชัดเจนขึ้นว่าจะดีดตัวขึ้นต่อหรือจะกลายเป็นขาลงที่ชัดเจน ดังนั้นช่วงนี้นักลงทุนจึงควรตั้งจุดตัดขาดทุน โดยให้แนวรับแรก 1,821 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และรับสำคัญ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หากไม่หลุดบริเวณนี้มีโอกาสดีดตัวทดสอบแนวต้านอีกครั้ง แต่หากหลุดแนวรับนี้จะมีโอกาสลงต่อ สำหรับแนวต้านมองที่ 1,853 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หากผ่านได้อาจจะทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1,875 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์