แนะหุ้นโตดีมีปันผล

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 8 ต.ค.63 ปิดที่ 1,274.83 จุด เพิ่มขึ้น 11.12 จุด หรือมีมูลค่าการซื้อขาย 56,012.52 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 628.95 ล้านบาท

หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด DELTA ปิด 195.50 บาท บวก 16.50 บาท, PTT ปิด 33 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, CRC ปิด 27.75 บาท บวก 0.50 บาท, KBANK ปิด 75.50 บาท บวก 0.75 บาท MINT ปิด 20.50 บาท ลบ 0.30 บาท

หุ้นไทยรีบาวน์หลังมีความคาดหวังกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯและไทยที่ออกมา เพื่อดูแลเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด

มีข่าวจาก “เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม” รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เผยในงานแถลงข่าวนักวิเคราะห์พบสื่อ ว่ายังคงเป้ากำไรบริษัทจดทะเบียนปี 63 ไว้ที่ 6.13 แสนล้านบาท หรือ 56.65 บาท/หุ้น หลังครึ่งปีแรกมีกำไรอยู่ที่ 1.9 แสนล้านบาท ประเมินกำไรไตรมาส 3-4 เฉลี่ยไตรมาสละ 2 แสนล้านบาท

ส่วนปี 64 คาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 7.85 แสนล้านบาท หรือ 72.51 บาท/หุ้น ขยายตัว 25% จากปี 63 ขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยหนุนจากสภาพคล่องที่ล้นระบบ หลังพบว่าขณะนี้มีเม็ดเงินฝากมูลค่า 15.57 ล้านล้านบาท สูงกว่ามาร์เกตแคปตลาดหุ้นที่อยู่ที่ 13.72 ล้านล้านบาท ขณะที่คาดว่าช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าคณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (กนง.) มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 1 ครั้ง จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 0.50%

ซึ่ง 2 ปัจจัย ทั้งเงินฝากและการลดดอกเบี้ยจะช่วยหนุนให้เม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงอย่างตลาดหุ้น ซึ่งคาดว่าจะช่วยหนุนตลาดหุ้นไทยในปี 64 โดยหาก กนง.ปรับลดอัตราดอกเบี้ย

มองเป้าหมายหุ้นไทยจะขึ้นไปสูงสุดปี 64 ที่ 1,526 จุด แต่หากไม่ปรับลดดอกเบี้ยมองเป้าสูงสุดปีหน้าที่ 1,450 จุด

ทั้งนี้ มองภาพรวมตลาดหุ้นไตรมาส 4 มี 5 ปัจจัยกดดัน คือจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกซึ่งหวั่นว่าจะเกิดการล็อกดาวน์ในบางประเทศ, การเลือกตั้งสหรัฐฯ วันที่ 3 พ.ย.และการเมืองไทยที่ยังต้องติดตามโดยเฉพาะวันที่ 14 ต.ค.นี้, การปรับพอร์ตเพื่อเตรียมซื้อหุ้น SCGP ก่อนเข้าตลาดของสถาบันมีโอกาสกดดันหุ้นใหญ่ระยะสั้น, และการปรับเกณฑ์ Ceiling & Floor และ Short Sell กลับมาตามปกติ

แนะนำหุ้นแนวโน้มเติบโตดีและมีปันผลได้แก่ ASK, DOHOME, INSET, MTC, NOBLE และ STGT ในทางตรงกันข้าม หุ้นที่ราคาเกินมูลค่าพื้นฐานไปมาก ต้องระมัดระวังการซื้อขาย เช่น MINT และ LPN!!

อินเด็กซ์ 51