แดดดีโซลาร์ชอบ ดันกำไร SPCG ครึ่งปี 63 แตะ 1,584 ล้านบาท

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

แดดดีโซลาร์ชอบ ดันกำไร SPCG ครึ่งปี 63 แตะ 1,584 ล้านบาท

Date Time: 11 ส.ค. 2563 18:55 น.

Video

เปิดทริกวางแผนการเงิน เพื่อชีวิตที่มีประสิทธิภาพ

Summary

  • SPCG โชว์กำไรครึ่งปี 2563 แตะ 1,584 ล้านบาท ลุยขยายฐานธุรกิจเน้นทำโซลาร์ฟาร์มทั้งในไทย และต่างประเทศ ล่าสุดเตรียมจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.55 บาทต่อหุ้น

Latest


SPCG โชว์กำไรครึ่งปี 2563 แตะ 1,584 ล้านบาท ลุยขยายฐานธุรกิจเน้นทำโซลาร์ฟาร์มทั้งในไทย และต่างประเทศ ล่าสุดเตรียมจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.55 บาทต่อหุ้น

ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทช่วง 6 เดือนของปี 63 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 63 มีกำไรสุทธิกว่า 1,584.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากงวดเดียวกันของปีก่อน และรายได้รวมกว่า 2,629.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 จากงวดเดียวกันของปีก่อน

สำหรับภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีแรกของ SPCG ได้รับปัจจัยสนับสนุนหลักจากธุรกิจ ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ โซลาร์ฟาร์ม ทั้ง 36 โครงการ รวมกำลังการผลิตกว่า 260 เมกะวัตต์

โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 63 มีจำนวนกระแสไฟฟ้าที่ผลิตและจำหน่ายได้จำนวน 200.3 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้นจากปี 62 (199.8 ล้านหน่วย) จำนวน 0.5 ล้านหน่วย หรือคิดเป็น 0.2%

ขณะที่บริษัท โซลาร์ เพาเวอร์ รูฟ จำกัด (SPR) ซึ่งดำเนินธุรกิจติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา หรือ โซลาร์รูฟ สำหรับบ้านพักอาศัย สำนักงาน อาคารธุรกิจขนาดเล็ก ธุรกิจขนาดกลางและธุรกิจขนาดใหญ่ รวมถึงโรงงานอุตสาหกรรม ในปี 63 มีรายได้จำนวน 308.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2562 (262.6 ล้านบาท) จำนวน 46.3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 18%

อย่างไรก็ตาม SPCG ยังคงมองหาโครงการใหม่ๆ เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องเพื่อขยายฐานธุรกิจ โดยได้ตั้งเป้าหมายในปี 2580 จะมีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 3,000 เมกะวัตต์ ซึ่งจะยังคงมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจโซลาร์ฟาร์มเป็นหลัก ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในปี 2563 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ทั้งปีไม่ต่ำกว่า 5,500 ล้านบาท

สำหรับธุรกิจด้านการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าโซลาร์รูฟ ปีนี้บริษัทมีเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งเป็น 50 เมกะวัตต์ โดยจะเน้นการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าในภาคโรงงานอุตสาหกรรมเป็นหลัก ภายใต้รูปแบบ Private PPA จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตติดตั้งอยู่ที่ 35-40 เมกะวัตต์

ส่วนการดำเนินงานของ SPR ประมาณ 20 เมกะวัตต์ โดยจะเน้นกลุ่มบ้านที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชย์ และภายใต้บริษัท MSEK Power ที่เน้นกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันมีงานในมือรวม 15-20 เมกะวัตต์ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 400 - 500 ล้านบาท


จ่ายปันผล 0.55 บาท

ดร.วันดี กล่าวอีกว่า ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากงวดผลดำเนินงาน วันที่ 1 ม.ค. - 30 มิ.ย. 63 ในอัตราหุ้นละ 0.55 บาท โดยบริษัทได้กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิ์ได้รับเงินปันผลระหว่างกาล (Record Date) ในวันที่ 25 ส.ค.63 และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 4 ก.ย.63


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์