ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 24 มิ.ย.63 ปิดที่ 1,333.43 จุด ลดลง 23.00 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 60,885.82 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 3,589.37 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด KCE ปิด 21 บาท บวก 1.30 บาท, KBANK ปิด 90.25 บาท บวก 1.25 บาท, MINT ปิด 20.90 บาท บวก 0.30 บาท, SCB ปิด 72.75 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง และ BBL ปิด 107.50 บาท บวก 1.50 บาท
หุ้นไทยปรับตัวลง หลัง กนง.มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายและปรับลดคาดการณ์จีดีพีปีนี้จะติดลบ 8.1% จากเดิมที่คาดว่าจะติดลบเพียง 5.3% ขณะที่ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันตลาด ทำให้ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงกดตลาดในภาพรวม
บล.เอเซียพลัส ระบุว่า แม้ปัจจุบันหุ้นไทยจะซื้อขายบน P/E ที่สูงกว่าในอดีตมาก และยังมีความเสี่ยงจากปัจจัยรอบด้าน
ทำให้เกิดความผันผวน แต่ช่วงที่เหลือก่อนสิ้นไตรมาส 2 มักเกิดการทำ Window Dressing ของนักลงทุนสถาบันฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในความหวัง ที่จะช่วยพยุงและลดความผันผวนของตลาดในช่วงที่เหลือของเดือน มิ.ย.
โดยเอเซียพลัสประเมินว่า โอกาสเกิด Window Dressing ในรอบนี้อยู่ที่ 3 ปัจจัย คือ 1.เดือน มิ.ย.มักเป็นเดือนที่สถาบันซื้อสุทธิหุ้นไทยสูงสุดเป็นอันดับที่ 2 ของปี ซื้อสุทธิเฉลี่ย 8.9 พันล้านบาท แต่หากนับตั้งแต่ต้น มิ.ย.63 ถึงปัจจุบัน พบว่า สถาบันฯยังขายสุทธิหุ้น
ไทย 1.82 พันล้านบาท สวนทางกับสถิติในอดีตอยู่ ทำให้เชื่อว่ามีโอกาสสูงที่แรงซื้อของสถาบันฯจะกลับเข้ามาในช่วงโค้งสุดท้ายของเดือน
2.กองทุน SSFX ที่ใกล้จะครบกำหนดเวลา ในการซื้อเพื่อรับสิทธิลดหย่อนภาษีสิ้นเดือนนี้ ปีนี้พิเศษกว่าปีอื่น ตรงที่อาจมีแรงซื้อจากกองทุน SSFX ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนสิ้นเดือนเข้ามาช่วยหนุนตลาดอีกแรง ที่ผ่านมา มีแรงซื้อกองทุน SSFX
จากนักลงทุนเพียง 3.6 พันล้านบาทเท่านั้น 3.หุ้นใหญ่มีโอกาสได้รับความสนใจมากขึ้น
ทั้ง 3 ปัจจัยนี้เป็นไปได้สูงที่จะเกิดการทำ Window Dressing กับหุ้นใหญ่ที่กองทุนนิยมสะสม ดังนั้นฝ่ายวิจัยจึงค้นหาเป้าหมายหุ้นถูกทำ Window Dressing จากหุ้นใหญ่พื้นฐานแข็งแกร่งที่มัก Outperform ตลาดได้ดีในช่วง 1 สัปดาห์สุดท้ายก่อนสิ้น มิ.ย. ย้อนหลัง 10 ปี
พบว่า มีหุ้นใหญ่น่าสนใจลงทุนที่ให้ผลตอบแทนโดดเด่นกว่าตลาด 8 บริษัท คือ BJC, GPSC, ADVANC, BDMS, INTUCH, CPF, RATCH และ CPALL!!
อินเด็กซ์ 51