ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 16 มิ.ย.63 ปิด 1,367.13 จุด เพิ่มขึ้น 25.14 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 68,452.22 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 422.78 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด SUPER ปิด 0.93 บาท ลบ 0.10 บาท, KTC ปิด 30 บาท ลบ 3.50 บาท, PTTEP ปิด 94 บาท บวก 7 บาท, KBANK ปิด 99 บาท บวก 1 บาท และ PTT ปิด 38 บาท บวก 1.50 บาท
บล.โกลเบล็ก ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทย มีโอกาสปรับตัวลงตามทิศทางตลาดโลก หลังนักลงทุนกังวลการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบสองในสหรัฐฯ จีน และ ญี่ปุ่น ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 8.3% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
เป็นตัวกดดันตลาด และหนี้ครัวเรือนของไทยที่อยู่ในระดับสูงแตะ 79% ของจีดีพี กดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ขณะที่มีปัจจัยบวกการคาดการณ์ของมอร์แกน สแตนลีย์ ที่มีความมั่นใจว่าเศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัวในรูป V-Shape และคาดว่าไตรมาส 4 ปีนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจจะกลับเข้าสู่ระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19
ส่วนสถานการณ์ในไทยอยู่ในระดับที่ดี และ ครม.เก็บตกมาตรการเยียวยาให้กับผู้ที่ยังตกหล่นเข้าไม่ถึง และไฟเขียวแพ็กเกจกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ แต่ยังคงต้องใช้เวลากว่าจะเห็นผลบวกที่ชัดเจน
ยังมีประเด็นที่ต้องจับตา คือ การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น และอียูจะเปิดเผยความเชื่อมั่นเศรษฐกิจเดือน มิ.ย. ขณะที่สหรัฐฯเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ เช่น ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม และสต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ เป็นต้น
และวันที่ 17 มิ.ย. ญี่ปุ่น เปิดเผยยอดนำเข้า ยอดส่งออกและดุลการค้าเดือน พ.ค. ขณะที่ อียูเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน พ.ค. และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประชุมนโยบายการเงิน
ทั้งนี้ คาดการณ์ดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,340-1,390 จุด
แนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้นรายตัวที่น่าจับตา คือหุ้นที่เข้าคำนวณดัชนี FTSE SET Large Cap Index เช่น CRC และ DIF และดัชนี FTSE SET Mid Cap Index เช่น ACE, BAM, IMPACT, LH, MINT และ TQM รอบใหม่ซึ่งมีผล 22 มิ.ย.นี้ และหุ้นเข้าคำนวณดัชนี SET50 ได้แก่ BPP และ TTW ส่วนดัชนี SET100 ได้แก่ AAV, ACE, DOHOME, RBF, SIRI, TVO และ WHAUP
และหุ้นพื้นฐานดีที่ยัง Laggard ดัชนี กลุ่มโรงพยาบาล CHG BCH และกลุ่มสื่อสาร ADVANC!!
อินเด็กซ์ 51