หุ้นไทยดิ่งแรงกว่า 40 จุด แหยงเลิกเคอร์ฟิว ผวาโควิด-19 ระบาดรอบ 2

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

หุ้นไทยดิ่งแรงกว่า 40 จุด แหยงเลิกเคอร์ฟิว ผวาโควิด-19 ระบาดรอบ 2

Date Time: 16 มิ.ย. 2563 08:00 น.

Summary

  • ตลาดหุ้นไทยดิ่งลงแรงกว่า 40 จุด รับยกเลิกเวลาเคอร์ฟิว และผวาโควิด-19 ระบาดรอบ 2 ทั่วโลก พร้อมมองเศรษฐกิจไม่สามารถฟื้นตัวได้เร็ว ขณะที่ราคาหุ้นไทยที่ปรับขึ้นมาเร็ว-แรงก่อนหน้านี้

Latest

เก็บหุ้นปันผล

ตลาดหุ้นไทยดิ่งลงแรงกว่า 40 จุด รับยกเลิกเวลาเคอร์ฟิว และผวาโควิด-19 ระบาดรอบ 2 ทั่วโลก พร้อมมองเศรษฐกิจไม่สามารถฟื้นตัวได้เร็ว ขณะที่ราคาหุ้นไทยที่ปรับขึ้นมาเร็ว-แรงก่อนหน้านี้ ทำให้ราคาหุ้นไทยแพงเกินหุ้นโลกแล้ว ส่วนผลดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนยังชะลอตัว ทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยง

ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.63 ซึ่งเป็นวันแรกที่ยกเลิกเวลาเคอร์ฟิว หรือมาตรการห้ามออกนอกเคหสถานทั่วราชอาณาจักร ระหว่างเวลา 23.00-03.00 น. ว่า ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง เพราะนักลงทุนกังวลกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอก 2 (Second Wave) จึงเทขายหุ้นออกมาเพื่อลดความเสี่ยง หลังมีการกลับมาแพร่ระบาดในจีนอีกครั้ง ท่ามกลางการปลดล็อกให้กลับมามีกิจกรรมทางเศรษฐกิจของหลายประเทศทั่วโลก ขณะที่สหรัฐฯยังคงมียอดการติดเชื้อในระดับสูงต่อเนื่อง ส่งผลให้ดัชนีดาวน์โจนส์ ตลาดหุ้นสหรัฐฯลดลงรุนแรง กดดันตลาดหุ้นทั่วโลก รวมทั้งตลาดหุ้นไทย ส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยมาปิดตลาดที่ระดับ 1,341.99 จุด ลดลง 40.57 จุด ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขาย 83,379.76 ล้านบาท หากประเมินการปรับตัวลงของตลาดหุ้นไทยวันที่ 15 มิ.ย.ซึ่งเป็นการปรับลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน ถือว่าดัชนีหุ้นไทยทรุดตัวลงแล้วกว่า 107 จุด

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส ระบุว่า ดัชนีหุ้นที่ปรับตัวลงแรงเกิดจากความกังวลผู้ติดเชื้อรอบ 2 เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจีนกลับมาติดเชื้อจำนวนมากตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา และสถานการณ์ในสหรัฐฯยังน่ากังวล ทำให้ดาวโจนส์ล่วงหน้าวันที่ 15 มิ.ย.63 ลดลงกว่า 300 จุด ขณะที่มีการประเมินว่า ราคาหุ้นไทยที่ปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้ จนทำให้ราคาแพงกว่าตลาดหุ้นโลกนั้น หากพิจารณาจากอัตราส่วนของราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) เฉลี่ยตลาดหุ้นไทยมีค่า 21.6 เท่า แพงกว่าตลาดหุ้นโลกเทียบจากดัชนี MSCI ซึ่งอยู่ที่ 20 เท่า และมูลค่าตลาดหุ้นไทยยังแพงอยู่เมื่อเทียบกับในอดีต ซึ่งอยู่ที่ 16.3 เท่า

ขณะที่กระแสเงินทุน (Fund Flow) เริ่มชะลอการไหลเข้าตลาดหุ้นไทย สะท้อนได้จากค่าเงินบาทที่เริ่มชะลอการแข็งค่า จาก Dollar Index ที่กลับมาแข็งค่าแรง 1.3% ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา รวมถึงต่างชาติที่กลับมาสลับซื้อและขายหุ้นไทย โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา ต่างชาติขายสุทธิถึง 2,000 ล้านบาท ถือว่าขายมากที่สุดในเดือนนี้

ด้านนายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริหารการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยเริ่มปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศนั้นมีปัจจัยสำคัญมาจากนักลงทุนเริ่มกลับมากังวลภาพรวมเศรษฐกิจที่อาจไม่สามารถฟื้นตัวได้ตามที่ตลาดคาดการณ์ เพราะความกังวลการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก 2 ในประเทศมหาอำนาจ เช่น สหรัฐฯ และจีน ซึ่งกระทบต่อเศรษฐกิจ และผลดำเนินงานบริษัทจดทะเบียน ขณะที่มองภาพรวมของดัชนีหุ้นไทยตามสัญญาณเทคนิคในช่วง 1-2 เดือนนี้ คาดว่ายังอยู่ในช่วงพักฐาน โดยมองแนวรับไว้ที่ 1,280-1,353 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,380 จุด

นักลงทุนเริ่มกลับมามองที่ปัจจัยพื้นฐานคือ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนอีกรอบ จากความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เห็นจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เริ่มส่งสัญญาณการคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำนานกว่าที่คิด จากเดิมที่ตลาดมีมุมมองว่า ผลประกอบการจะกลับมาเป็นปกติได้ในปี 64 รวมถึงการระบาดของโควิด-19 รอบ 2 ในสหรัฐฯ จีน หรือญี่ปุ่น โดยนักลงทุนเริ่มไม่แน่ใจว่า ความเสียหายจะมากกว่าที่คิดหรือไม่ จึงเริ่มลดความเสี่ยงลง”.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ