ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 2 มิ.ย.63 ปิดที่ 1,374.18 จุด เพิ่มขึ้น 21.81 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 70,987.07 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,089.51 ล้านบาท
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส ออกบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจระบุถึงหุ้นที่ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์จาก 7 พฤติกรรม New Normal ดังนี้ 1.พฤติกรรมการใช้ Digital & Online Platform มากขึ้น ทั้งระดับองค์กรและประชาชน หุ้นได้ประโยชน์ : ADVANC, DTAC, TRUE, DELTA, HANA, DIF, JASIF, HUMAN, VGI (ในส่วนของ Kerry), SCC, UTP หุ้นเสียประโยชน์ : CPN, CPNREIT, BKER, TLGF, FUTUREPF, MJLF, BBL, KTB, KBANK, SCB, TMB
2.พฤติกรรมเดินทางน้อยลง ทำงานจากบ้าน (WFH) ประชุมผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น และการจ้างงานลดลง หุ้นได้ประโยชน์ : ADVANC, DTAC, TRUE, DELTA, HANA, DIF, JASIF หุ้นเสียประโยชน์ : BOFFICE, CPNCG, CPTGF, GVREIT, POPF, TPRIME, AOT, AAV, NOK, THAI, BEM, BTS, BTSGIF, TFFIF, ERW, CENTEL, MINT, LHPF, LHHOTEL, QHHR, DREIT
3.พฤติกรรมใช้พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น และลดใช้พลังงานฟอสซิล หุ้นได้ประโยชน์ : SPCG, EA หุ้นเสียประโยชน์ : PTTEP, PTT, BANPU, LANNA
4.พฤติกรรมใช้ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) มากขึ้น ใช้รถยนต์น้ำมันเชื้อเพลิงน้อยลง หุ้นได้ประโยชน์ : DELTA, KCE, EA หุ้นเสียประโยชน์ : LHK (ชิ้นส่วนที่จะหายไป คือ เครื่องยนต์, ตลับลูกปืน, เกียร์, ท่อไอเสีย, หม้อน้ำ, ถังน้ำมัน, ชิ้นส่วนระบบส่งกำลัง, เพลา, ลูกสูบ และเทอร์โบ เป็นต้น)
5.พฤติกรรมหันมาทำประกันชีวิตและสุขภาพมากขึ้น หุ้นได้ประโยชน์ : BLA, TIP, AYUD, SMK เป็นต้น 6.สังคมสูงวัยขยายตัวใหญ่ขึ้น (เกิดขึ้นอยู่แล้วแม้ไม่มีโควิด-19) หุ้นได้ประโยชน์ : BDMS, BH, CHG, RJH, BCH, RPH
7.พฤติกรรมเลือกซื้อที่พักอาศัยแนวราบนอกเมืองที่พร้อมด้วย Digital Facilities มากขึ้น หุ้นได้ประโยชน์ : AP, LH, QH, SPALI, SC เป็นต้น หุ้นเสียประโยชน์ : ANAN, ORI, LPN เป็นต้น (ถ้าไม่ปรับเปลี่ยนแผนกลยุทธ์ธุรกิจ)
ขณะที่ให้เลี่ยงหุ้นนิคมอุตสาหกรรม เพราะการล็อกดาวน์ของแต่ละประเทศ ทำให้ห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ทั่วโลก เกิดปัญหา ดังนั้นจึงมองว่าจะเกิดการดึงฐานผลิตกลับประเทศ เพื่อลดการพึ่งพา ภายนอกลง คาดบริษัทที่จะเสียประโยชน์จากประเด็นนี้ ได้แก่ AMATA, WHA, AMATAR, HREIT, FTREIT, WHART!!
อินเด็กซ์ 51