ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 19 พ.ค.63 ปิดที่ 1,309.95 จุด เพิ่มขึ้น 23.42 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 78,863.55 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 891.96 ล้านบาท
มีแรงซื้อหุ้นกลุ่มแบงก์และพลังงานดันราคาขยับขึ้น ขณะที่ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่าดัชนีหุ้นที่ยืนเหนือ 1,300 จุดได้อีกครั้ง และสูงสุดในรอบ 2.5 เดือน รับข่าวพัฒนาการของวัคซีนและการคลาย lockdown คือเงื่อนไขเชิงบวกสำคัญ ขณะที่ Trade War จะเป็นปัจจัยคอยจำกัด Upside ของตลาดหุ้น เป็นระยะ
มองว่าการกระชากขึ้นของดัชนีครั้งนี้ นอกจากจะทำให้ภาพทางเทคนิคดูดีขึ้นแล้ว (ยืนเหนือ SMA 75 วัน) ยังทำให้โอกาสเกิด Sell in May ลดลงด้วย กลุ่มที่ยังขึ้นช้ากว่าตลาดคือ แบงก์ การแพทย์ อสังหาฯ ท่องเที่ยว และนิคมฯ
ขณะที่หุ้นใน SET100 ที่ปรับขึ้นเด่นระยะหลัง นอกจากงบ 1Q63 จะออกมาสวยแล้ว ยังเป็นหุ้นที่ยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย SMA 200 วันได้ด้วย ดังนั้นในเชิงกลยุทธ์การลงทุน แบ่งหุ้นที่น่าสนใจเป็น 2 กลุ่ม คือหุ้นที่ยังขึ้นช้ากว่าตลาด คือ KBANK-SCB-TMB-PSL- AMATA-BCP และหุ้นกลุ่มนำตลาดที่กำลังลุ้นยืนเหนือเส้น 200 วัน คือ GPSC-BPP-KTC-PTTGC-TASCO
ขณะที่หุ้น THAI ทำซิลลิ่ง หลัง ครม.มีมติให้ยื่นศาลล้มละลายกลางเพื่อเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ด้านทริส ปรับลดเครดิตหุ้นและหุ้นกู้ THAI ลงสู่ระดับ C หลังวันก่อนเพิ่งกดเครดิตลงเหลือ BBB แถมส่งสัญญาณ ปรับลงไประดับ D หรือ Default เมื่อเกิดการพักชำระหนี้ตามกระบวนการของศาล หรือมีการผิดนัดชำระหนี้อื่นใดก่อนหน้านั้น อันดับเครดิตของบริษัทจะได้รับการปรับลดลงสู่ระดับ D หรือ Default ทันที
ปิดท้าย “ณัฐชาต เมฆมาสิน” จาก “บล.ทรีนีตี้” คาดผลการประชุม กนง.ให้น้ำหนัก 50/50 ระหว่างการปรับลดและการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หลังสัญญาณคุมเข้ม COVID-19 เห็นผลบวกชัดเจนขึ้น ทำให้ กนง.อาจเก็บกระสุนไว้ในยามจำเป็น ขณะที่มาตรการของ ธปท.ที่ออกมาก่อนหน้านี้ถือว่าได้แก้ปัญหาตรงจุดแล้วแต่หากมีมติลดดอกเบี้ยตามที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ ประเมินว่าดัชนีหุ้นไทยจะไม่ได้แรงหนุนมากนักเนื่องจากได้ตอบรับไปบ้างแล้ว แต่หากมีมติคงอัตราดอกเบี้ยจะกระตุ้นราคาหุ้นกลุ่มแบงก์ฟื้นตัวขึ้นมาได้บ้าง!!
อินเด็กซ์ 51