ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 15 พ.ค.63 ปิดที่ 1,280.76 จุด เพิ่มขึ้น 0.36 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 50,659.85 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 2,651.02 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 35.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, CPALL ปิด 69.50 บาท ลบ 0.75 บาท, CBG ปิด 94.50 บาท บวก 7.50 บาท, BAM ปิด 23.20 บาท บวก 0.10 บาท, PTTEP ปิด 83.50 บาท บวก 1.75 บาท
หุ้น CBG บวกแรง แรงซื้อหนาแน่น หลังมีการประชุมนักวิเคราะห์ โดย บล.ธนชาต ระบุว่า มีมุมมองเชิงบวกหลังประชุมนักวิเคราะห์ จากยอดส่งออก energy drink ไปยังพม่า-กัมพูชา
เติบโตได้ดี คาดรายได้จากการส่งออก +30% y-y ใน 2Q20 ซึ่งสินค้าส่งออกเป็นสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงกว่าการขายในประเทศ ทำให้แม้ปริมาณการขายในประเทศอ่อนลงไปบ้าง เนื่องจากการปิดเมือง แต่คาดว่ากำไรจะยังเติบโตได้ดี
แนะนำ “ซื้อ” ให้พื้นฐาน 96 บาท เป็นหุ้นที่ธนชาตแนะนำต่อเนื่อง มองได้รับผลกระทบจาก COVID จำกัด และสามารถเติบโตสวนทางกับเศรษฐกิจได้ดี
ส่วนมุมมองโบรกเกอร์อื่นๆ ส่วนใหญ่แนะนำ “ซื้อ” นำโดย บล.ฟินันเซีย ไซรัสแนะ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 107 บาท ตามด้วย บล.เอเชีย เวลท์ ให้ราคาเป้าหมาย 105 บาท ขณะที่เคจีไอ ให้ราคาเป้าหมาย 94 บาท ส่วนหยวนต้า (ประเทศไทย) ให้เป้าหมาย 92 บาท ด้านทิสโก้ ให้เป้าหมายที่ 83.50 บาท และโนมูระ พัฒนสิน แนะแค่ “ถือ” ให้มูลค่าเหมาะสมปี 63 ที่ 80 บาท
ส่วนฟิลลิป แนะนำ “ซื้อ” โดยอยู่ระหว่างปรับราคาพื้นฐาน!!
ทั้งนี้ ศบค.ประกาศผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น เริ่ม 17 พ.ค.นี้ บล.ธนชาต มองเป็นประเด็นที่ตลาดรับรู้อยู่แล้ว ขณะที่ภาพ Valuation ของ SET ที่อยู่ในระดับสูง โดย PE สูงกว่า 20 เท่า ไม่รองรับกรณีที่เศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด หลังทยอยผ่อนคลาย lockdown ทำให้ยังแนะนำ “ลด” พอร์ต ต่อเนื่อง
โดยเลือกลงทุนในหุ้น 1.กลุ่มโรงกลั่น–ปิโตรฯ ที่กำไรจะออกมาดีใน 2Q20 พลิกจากขาดทุนในไตรมาสแรก IRPC-SPRC-IVL 2.กลุ่ม Infrastructure Fund ที่รายได้ไม่กระทบจาก COVID
ปันผลสม่ำเสมอ ได้ผลดีดอกเบี้ยต่ำ DIF และ 3.กลุ่มเรือบรรทุกน้ำมัน PRM ที่ได้ประโยชน์จากค่าระวางเรือแบบ Floating Storage Unit ที่เพิ่มขึ้น.
อินเด็กซ์ 51