บล.เอเซียพลัส ออกบทวิเคราะห์หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ระบุว่า กฟผ. เตรียมเจรจาผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า SPP ขอลดปริมาณรับซื้อไฟฟ้าลง และขอเลื่อนการ COD โรงไฟฟ้า SPP ที่จะเข้าสู่ระบบปี 2563 พร้อมสั่งให้ PTT หาโอกาสซื้อ LNG มากขึ้นในช่วงราคาถูก และซื้อก๊าซฯอ่าวไทยลดลง โดยคาดว่าจะเห็นตัวเลขมากขึ้นสัปดาห์หน้า
ถือเป็น sentiment เชิงลบต่อหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าที่มี SPP ที่ใช้ก๊าซฯเป็นเชื้อเพลิง (ปกติ 60–75% ของ MW จะขายให้กับ EGAT ส่วน MW ที่เหลือขายให้ลูกค้าอุตฯ) ซึ่งได้แก่ GPSC, BGRIM, GULF
เอเซียพลัสได้สอบถามผู้บริหารหุ้นในกลุ่มหลายรายพบว่า
ปกติสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ของ SPP ที่ใช้ก๊าซฯเป็นเชื้อเพลิงให้กับ EGAT จะมีปริมาณรับซื้อไฟฟ้าขั้นต่ำเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 80% ของปริมาณที่ผลิตได้ในปีนั้น
ประเด็นดังกล่าวยังอยู่ระหว่างเจรจาถึงแนวทางที่จะเกิดขึ้น เช่น หากปี 63 มีการเจรจาขอลดการรับซื้อในช่วงที่ความต้องการไฟฟ้าลดลงจากผลกระทบของ COVID-19 ซึ่งทำให้ปริมาณสำรองไฟฟ้าของประเทศขึ้นมาอยู่ที่ 40% ของกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดจริง EGAT อาจรับซื้อไฟฟ้าเพื่อชดเชยรายได้กลับมาให้ได้ตามสัญญาในภายหลัง เป็นต้น
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยยังเชื่อว่าด้วยราคาหุ้นในกลุ่ม แต่ละตัวที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกว่า 15-30% ในเวลาเพียงแค่ 1 เดือน
ทำให้มีโอกาสที่ราคาหุ้นจะปรับฐานจึงแนะนำหาจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวในหุ้น GPSC (FV@B91), BGRIM (FV@B51), GULF (FV@B32.40), EGCO (FV@B360), RATCH (FV@B75) และ BPP (FV@B16)
เอเซียพลัสยังแนะนำ “ซื้อ” หุ้น CK คาด 1Q63 กำไรสุทธิ 7.9 ล้านบาท ลดลง 98%YoY กดดันจากส่วนแบ่งกำไรของ BEM และ CKP ที่ลดลงมาก ขณะที่ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมีรายได้ลดลงตามมูลค่า Backlog ที่ลดลงต่ำสุดในรอบ 10 ปี
โดยการรับงานใหม่ที่ขาดช่วง ทำให้ภาพกำไรระยะสั้นยังไม่เด่นจากฐานรายได้ธุรกิจก่อสร้างที่ทรงตัวในระดับต่ำ
คาดหวังงานประมูลกลับมาช่วงครึ่งปีหลัง ช่วยหนุน Backlog ให้เติบโตอีกครั้ง โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกและสายสีม่วงใต้ ส่วนอีก 2 โครงการใหญ่ที่ CK มีโอกาสเข้าไปรับงาน ได้แก่ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และเขื่อนหลวงพระบาง
แนะนำซื้อ โดยหาจังหวะลงทุนหลังประกาศงบ 1Q63 ที่คาดว่า ราคาหุ้นจะมีปฏิกิริยาเชิงลบต่อผลประกอบการ ให้ราคาตามปัจจัยพื้นฐาน ที่ 24 บาท!!
อินเด็กซ์ 51