ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 12 มี.ค.63 ปิดที่ 1,114.91 จุด ลดลง 134.98 จุด มี มูลค่าการซื้อขาย 101,652.04 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,928.87 ล้านาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด AOT ปิด 52.75 บาท ลบ 7.75 บาท, PTT ปิด 26.50 บาท ลบ 2.75 บาท, CPALL ปิด 61.75 บาท ลบ 4.25, BAM ปิด 20.30 บาท ลบ 3.20 บาท และ GULF ปิด 131 บาท ลบ 20.50 บาท
บล.ทิสโก้ระบุว่า ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงมาต่ำกว่าระดับ Downside ที่เรามองไว้ที่ 1,200-1,220 หรือลงมากกว่า 35% จากพีก 1,850 จุด ซึ่งยืนยันว่าภาวะหมีของตลาดหุ้นไทยรอบนี้ไม่ใช่หมีในภาวะปกติ สะท้อนว่าอาจรุนแรงถึงเป็นวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ซึ่งอยู่ระหว่างประเมินภาวะตลาดใหม่อีกครั้ง
อย่างไรก็ดี หากอิงจากสถิติหุ้นไทยที่เคยถูกใช้มาตรการ “Circuit Breaker” มาแล้ว 3 ครั้ง SET Index จะใช้เวลา 5-7 เดือนจึงกลับมาฟื้นตัวมาที่จุดเดิม หรือแสดงนัยว่าหากลงทุนซื้อหุ้น ณ SET Index ระดับปัจจุบันจะมี upside ประมาณ 10% ในช่วง 5-7 เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ ทิสโก้ยังมองตลาดที่ปรับตัวลงเป็นจังหวะของการลงทุน แต่ต้องเน้นการทยอยแบบแบ่งซื้อ เพื่อให้ต้นทุนเฉลี่ยเกาะกับราคาตลาดมากที่สุด หุ้นบลูชิป ขนาดใหญ่ที่น่าเก็บสะสม ณ ราคานี้ ชอบ AOT-BAM-BDMS-BTS-CPALL-VGI
ขณะที่ บล.หยวนต้า แนะสะสมหุ้น DTAC, INTUCH, ADVANC, BAM, CPF, CPALL, GPSC หลังนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้ สั่งการให้กระทรวงการคลัง เร่งจัดตั้งกองทุนสร้างเสถียรภาพตลาดทุน
ทั้งนี้ หยวนต้ามอง กรณีแย่สุดดัชนีจะทรุดลงถึง 950 จุด เงินจะไหลออกรวดเร็วเงินบาทผันผวน พักเงินในทองคำและหุ้น STA-DIF-ADVANC-INTUCH, กรณีแย่ดัชนีจะอยู่ที่ 1,100 จุด แนะพักเงินใน หุ้น STA-DIF-ADVANC-INTUCH-CPF-TU-BPP, กรณีปานกลางดัชนีจะอยู่ที่ 1,200 จุด เงินไหลออกช้าๆ แนะพักเงินในหุ้น STA-DIF-ADVANC-INTUCH-CPF-TU-BPP-TASCO-BCH-BDMS
กรณีฟื้นตัวดัชนีอยู่ที่ 1,350-1,400 จุด พักเงินในหุ้น SPRC- TOP-PTTGC-PTT-AOT-MINT-ERW-SCB-KBANK-CPALL-BJC-CRC และกรณีกลับเป็นขาขึ้นหุ้นจะไปที่ 1,500 จุด หุ้นใน SET50 จะปรับขึ้นยกแผง หาซื้อตัวที่ Laggard.
อินเด็กซ์ 51