ตลาดหุ้นยังเป็นแดนอันตราย หลังไทยพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่ม หวั่นลุกลามบานปลายจนยากควบคุม นักลงทุนผวาตื่นตระหนกเทขายหุ้นหนีตายกดดัชนีดิ่งถึง 72.69 จุด หรือ 5.05% ลดลงภายในวันเดียวมากสุด ในรอบ 13 ปี ขณะที่ดัชนีปิดตลาดทำสถิติต่ำสุดในรอบ 3 ปี 11 เดือน มูลค่าการซื้อขายเหยียบแสนล้าน แค่ 3 วันทำการในสัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นลดลง 128.68 จุด ทำให้มูลค่ามาร์เกตแคป ซึ่งเป็นความมั่งคั่งนักลงทุนในตลาดหุ้นหายวับไปถึง 1.39 ล้านล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการลงทุนในตลาด หลักทรัพย์ไทยวันที่ 26 ก.พ. ว่าหุ้นไทยปรับตัวดิ่งลงอย่างรุนแรงอีกครั้ง จากแรงเทขายออกมาอย่างหนักของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศทุกกลุ่ม ชนิดหนีตาย จนกดดัชนีหลุดระดับแนวรับสำคัญที่1,400 จุด ลงมาอย่างง่ายดาย หลังมีรายงานการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในไทยส่งผลให้นักลงทุนขาดความมั่นใจและตื่นตระหนกขึ้นเป็นวงกว้าง เพราะกังวลว่าไทยจะไม่สามารถจำกัดวงการแพร่กระจายของไวรัสได้อย่างที่ผ่านมา และนำไปสู่การยกระดับการคุมเข้มถึงขั้นสูงสุด ยิ่งกดดัน บรรยากาศการลงทุน การท่องเที่ยว และการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน ซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจให้ลากยาวขึ้นไปอีก
แรงเทขายหุ้นของนักลงทุนกดให้ดัชนีมาปิดทำการที่ระดับ 1,366.41 จุด ลดลง 72.69 จุด หรือลดลง 5.05% เป็นการลดลงภายในวันเดียวมากสุด ในรอบ 13 ปี หลังเคยเกิดขึ้นเมื่อ 19 ธ.ค.49 สังเวยมาตรการกันสำรอง 30% ของแบงก์ชาติ ครั้งนั้นลดลงในวันเดียวถึง 99.71 จุด ขณะเดียวกันดัชนีปิดตลาดที่ระดับ 1,366.41 จุด ถือเป็นการทำสถิติต่ำสุดในรอบ 3 ปี 11 เดือน นับจากเดือน เม.ย.59 ซึ่งดัชนีอยู่ที่ 1,356.69 จุด ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายทะลัก 93,189.41 ล้านบาท
โดยหากนับตั้งแต่ต้นสัปดาห์คือวันจันทร์ที่ 24 ก.พ. ที่ดัชนีปรับลงแรงกว่า 59.53 จุด แม้วันที่ 25 ก.พ. จะรีบาวด์ขึ้นมาบวกได้ 3.54 จุด แต่กลับทรุดตัวลงลึกในวันที่ 26 ก.พ. รวม 3 วันทำการ ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลง 128.68 จุด โดยราคาหุ้นที่ลดลงส่งผลให้มูลค่าหลักทรัพย์ตลาดรวม (มาร์เกตแคป) ซึ่งเป็นตัววัดมูลค่าความมั่งคั่งของนักลงทุนในตลาดหุ้น หดหายไปมากถึง 1.39 ล้านล้านบาท จากมูลค่ามาร์เกตแคปเมื่อวันศุกร์ที่ 21 ก.พ.มีมูลค่าอยู่ที่ 16.09 ล้านล้านบาท ลดลงมาเหลือ 14.70 ล้านล้านบาท หรือลดลง 6.8%
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ได้มีการรายงานสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นโลก รวมทั้งประสานข้อมูลอย่างใกล้ชิด กับกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีการอัปเดตสถานการณ์ระหว่างกันตลอดเวลา รวมทั้งติดตามกิจกรรมและธุรกรรมการซื้อขายที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นอย่างใกล้ชิดด้วย โดยหุ้นไทยที่ปรับตัวลงในครั้งนี้เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั้งโลก
“มองว่าหากสถานการณ์ไวรัสคลี่คลาย ตลาดหุ้นไทยน่าจะรีบาวด์ได้เร็ว ถ้าดูจากเหตุการณ์ในอดีต เช่น โรคซาร์ส, เหตุระเบิดแยกราชประสงค์ หรือสถานการณ์ทางการเมือง หุ้นไทยก็รีบาวด์ได้เร็วไม่เกิน 3 เดือน ยกเว้นน้ำท่วมปี 54 ที่กระทบโรงงานอุตสาหกรรมจะใช้เวลานานกว่านี้ เพราะเกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิต และเนื่องจากพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังดี ไม่มีหนี้สูง ทุนสำรองระหว่างประเทศสูง ขณะที่บริษัทจดทะเบียนในตลาด มีธุรกิจและบริการที่หลากหลาย ซึ่งกระจายออกไปลงทุนต่างประเทศด้วย และขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังมีสภาพคล่องสูง ดัชนีหุ้นที่ลดลง ไม่ได้ทำให้สภาพคล่องหายไปด้วย ไม่มี Fund Flow ไหลออก แต่อาจมีการโยกเงินจากตลาดหุ้นไปตลาดพันธบัตร”.