นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ปรับเป้าหมายมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาหลักทรัพย์ (มาร์เกตแคป) ปี 66 ว่าจะไม่ถึงเป้าเดิมที่ตั้งไว้ 150% ของจีดีพี เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจไทยชะลอตัว และความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) โตลดลง จากในอดีตที่โตเฉลี่ยปีละไม่ต่ำกว่า 10%
ขณะที่เชื่อว่าเม็ดเงินต่างชาติจะกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทยหากทิศทางตลาดหุ้นไทยมีทิศทางปรับตัวดีขึ้น และความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนสูงขึ้น หลังต่างชาติที่มีการขายสุทธิหุ้นไทยติดต่อกัน 3 ปีแล้ว แต่ยอดการถือครองหุ้นไทยของต่างชาติยังคงสัดส่วนเดิมที่ประมาณ 30%
ส่วนแผนการดำเนินงานปี 2563 ตลาดหลักทรัพย์ฯเน้นกลยุทธ์ใน 3 ด้าน คือ 1.เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ (Grow with Efficiency) ปรับรูปแบบการทำงานและขยายธุรกิจ โดยสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรและมุ่งลดความซ้ำซ้อนของกระบวนการและกฎเกณฑ์ต่างๆ และการให้บริการในรูปแบบ One-Stop Service แก่บริษัทจดทะเบียน รวมทั้งนำข้อมูล (data) มาวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการให้ตรงความต้องการ
2.การเติบโตด้วยการสร้างโอกาสใหม่ (Grow with New Opportunities) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยจะมุ่งเน้นความเชื่อมโยงกับตลาดทุนในกลุ่ม CLMV รวมทั้งการขยายโอกาสการระดมทุนของธุรกิจขนาดกลางและเล็ก รวมถึงสตาร์ตอัพ
3.เติบโตไปด้วยกันกับผู้ร่วมตลาดและสังคมอย่างยั่งยืน โดยปรับปรุงกฎเกณฑ์การดำเนินธุรกิจให้ง่ายและสะดวกมากขึ้น และการคุ้มครองผู้ลงทุน พร้อมสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้ผู้ร่วมตลาดได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน ลดต้นทุนการทำธุรกิจ รวมถึงส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน พร้อมปรับแนวทางการพัฒนาความรู้การออมและการลงทุนภาคประชาชน และพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการในทุกมิติ
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ กล่าวว่า ปี 63 คาดว่ามูลค่ามาร์เกตแคปจะเพิ่มขึ้น 550,000 ล้านบาท ใกล้เคียงปีที่แล้ว แบ่งเป็นบริษัทเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป (IPO) 250,000 ล้านบาท และอีก 250,000 ล้านบาท จากบริษัทเดิมที่ระดมทุนเพิ่ม จากปี 62 ที่มีมาร์เกตแคปเพิ่มขึ้น 780,000 ล้านบาท.