ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ว่า มีแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ออกมาหนาแน่น กดดัชนีหุ้นไทยทรุดตัวลงแรงตลอดทั้งวัน ลงไปต่ำสุดที่ 1,566.68 จุด ลดลง 23.91 จุด ก่อนมาปิดที่ระดับ 1,569.53 จุด ลดลง 21.06 จุด มูลค่าซื้อขาย 54,757 ล้านบาท หุ้นไทยถูกกดดันจากหลายปัจจัยทั้งกรณีสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯที่ยืดเยื้อราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวลง กดราคาหุ้นพลังงาน และปัจจัยในประเทศคือเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณชะลอตัวฯลฯ
บริษัทหลักทรัพย์เอเชีย พลัส แนะนำให้ปรับพอร์ตการลงทุน เพื่อรองรับแรงกดดัน ทั้งความเสี่ยงเรื่องการเจรจาการค้าจีน-สหรัฐฯ ราคาน้ำมัน และสัญญาณเศรษฐกิจในประเทศ ที่มีน้ำหนักทางลบ ทำให้ตลาดหุ้นไทยอาจจะปรับฐานลงต่อ ขณะที่ยังมองตลาดเดือน ธ.ค.หุ้นไทยยังต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน ทั้งสงครามการค้า, การลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกและนอกโอเปก รวมถึงการปรับพอร์ตเพื่อเตรียมเงินซื้อหุ้น Saudi Aramco รัฐวิสาหกิจน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย ของกองทุนต่างประเทศ
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติได้ขายหุ้นล่วงหน้า หรือเปิดชอร์ตสุทธิสัญญาซื้อขายล่วงหน้า SET50 Futures สูงถึง 50,247 สัญญา (สูงสุดเป็นอันดับที่ 2 ตั้งแต่ตลาดฟิวเจอร์เปิดทำการมา 13 ปีครึ่ง) ถือเป็นความเสี่ยงหนึ่งที่ ที่ต้องติดตามใกล้ชิด เพราะความหวังที่กระแสเงินที่จะเข้ามาช่วยพยุงตลาด ในโค้งสุดท้ายของปี ถูกฝากไว้กับแรงซื้อจากเม็ดเงินลงทุน ที่ไหลเข้ามาซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ก่อนสิ้นปี และเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา นักลงทุนสถาบันฯซื้อสุทธิ 2,500 ล้านบาทแต่จากสถิติย้อนหลัง 10 ปี พบว่า สถาบันฯซื้อสุทธิหุ้นไทย 2 เดือนสุดท้ายของปี สูงถึง 20,800 ล้านบาทปีนี้ นักลงทุนยังซื้อ LTF น้อยมาก จึงมีโอกาสที่จะเห็นแรงซื้อ มากระจุกตัวในเดือน ธ.ค.มากขึ้น.