ดัชนีหุ้นวันที่ 30 ต.ค.62 ปิด 1,601.83 จุด เพิ่มขึ้น 10.62 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 66,498.35 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด GPSC ปิด 83.25 บาท ลบ 1 บาท, EA ปิด 41.50 บาท ลบ 4 บาท, KBANK ปิด 136 บาท บวก 5 บาท, PTT ปิด 45.50 บาท บวก 1 บาท และ GULF ปิด 159.50 บาท ลบ 5 บาท
หุ้นโรงไฟฟ้าโดนถล่มเทขายหนัก กดดันราคาปรับตัวลงแรง โดย บล.เอเซียพลัส ระบุหุ้นโรงไฟฟ้าถูกแรงขายทำกำไร หลังตลอดปี 62 หุ้นกลุ่มนี้ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ จากความคาดหวังการเติบโตของกำไร และการเข้ามาลงทุนในหุ้น Domestic ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า
ทำให้ตั้งแต่ต้นปี 62 ปรับตัวร้อนแรง เช่น GULF พุ่งขึ้นมากสุดถึง 102%, BGRIM บวก 84%, RATCH บวก 50%, EGCO บวก 46%, GPSC บวก 44% และ CKP บวก 26% เป็นต้น
เมื่อขึ้นแรงก็ย่อมมีการปรับฐาน ดังนั้น จำเป็นต้องกลับมาพิจารณามูลค่าพื้นฐานของหุ้นเป็นหลัก โดยเอเซียพลัสได้คัดหุ้นที่ราคาปรับขึ้นแรง จนเกินมูลค่าพื้นฐานแล้ว โดยใช้เงื่อนไขว่าเป็นหุ้นที่ฝ่ายวิจัย แนะนำ “Sell” หรือ “Switch” และราคาหุ้นขึ้นมาแรงเกิน 20% ytd รวมถึง ราคาเกินมูลค่าพื้นฐานปี 62 หรือมี Upside น้อยกว่า 0% ได้แก่ GULF, BGRIM, RATCH, EGCO และ CKP
ส่วนหุ้นโรงไฟฟ้าที่ยังน่าลงทุน มี Upside สูง, ราคายัง Laggard กว่ากลุ่ม และแนวโน้มกำไรช่วงที่เหลือของปียังเติบโตได้ดี คือ GUNKUL และ EA โดยให้ราคาเหมาะสม GUNKUL 3.6 บาท ราคาหุ้นมี upside เกือบ 25% ขณะที่ PER ปี 62 และ 63 ต่ำเพียง 13 และ 12 เท่า ระยะสั้นมีปัจจัยบวก คือ คาดกำไรไตรมาส 3 โตถึง 94.5% qoq มาที่ 850 ล้านบาท
ขณะที่ EA ราคาเหมาะสม 56 บาท จากสถิติ 5 ปีย้อนหลังพบว่า เดือน พ.ย. ราคา EA จะปรับขึ้นถึง 4.19% และให้ผลตอบแทนเป็นบวก 4 ใน 5 ปี ขณะที่คาดกำไรครึ่งปีหลังจะโตอย่างมีนัยสำคัญจากครึ่งปีแรก
ส่วนข่าวลือที่ว่าสหกรณ์แท็กซี่ยกเลิกการจองรถยนต์ไฟฟ้าของ EA ทั้ง 3,500 คันนั้น ผู้บริหารปฏิเสธว่าไม่จริง ส่วนข่าวโรงงานแบตเตอรี่เฟส 1 กำลังผลิต 1 GWh มีโอกาสเลื่อน COD ไปอีก 1 ไตรมาส จากเดิม ที่มีแผน COD ครึ่งแรกปี 63 ประเมินว่าหากต้องเลื่อนอาจกระทบต่อ Fair Value บ้าง โดยแบตเตอรี่เฟส 1 คิดเป็น Fair Value 7 บาท!!
อินเด็กซ์ 51