ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 28 ต.ค.62 ปิดที่ 1,596.48 จุด บวก 3.20 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 49,889.55 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 649.83 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าการซื้อขายสูงสุด GPSC ปิด 91.75 บาท บวก 2.25 บาท, GULF ปิด 169.50 บาท ลบ 3 บาท, SCC ปิด 359 บาท บวก 5 บาท, CPALL ปิด 79 บาท บวก 0.50, CPF ปิด 24.50 บาท ลบ 0.50 บาท
ตลาดหุ้นไทย รีบาวด์ปรับตัวขึ้นหลังร่วงลงแรงในช่วงเช้า ถูกกดดันจากกรณีสหรัฐฯสั่งยกเลิกสิทธิภาษีศุลกากร GSP สินค้าไทย 573 รายการ มูลค่าร่วม 4 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ รอติดตามความชัดเจนประเด็น Brexit และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯและการทยอยประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน
ทั้งนี้ ล่าสุดมีข่าว EU เห็นพ้องขยายเส้นตาย Brexit ออกไปสู่ 31 ม.ค.2020 จาก 31 ต.ค.2019 ทำให้ความเสี่ยง Hard Brexit และความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลกจำกัดลง
ขณะที่ “ภากร ปีตธวัชชัย” ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ มองหุ้นไทยร่วงแรงช่วงเปิดตลาดกว่า 14 จุด เกิดจากนักลงทุนกังวลข่าวสหรัฐฯตัดจีเอสพีไทย แต่หลังจากนั้นตลาดเริ่มกลับมาเป็นบวกได้ ซึ่งยอมรับว่าจีเอสพีมีผลกระทบ แต่ไม่ได้มากอย่างที่คาดการณ์ไว้ ต้องรอดูการประเมินของนักวิเคราะห์ด้วย เพราะปัจจุบันหลายบริษัทขยายโรงงานหรือการผลิตไปทั่วโลก ทำให้ผลกระทบน้อยลง
โนมูระ พัฒนสิน ยังเผย Leading Indicators เมื่อไทยถูกตัด GSP ดังนี้ ดัชนี CDS 5-10 ปี (ค่าประกันความเสี่ยง) ลดลงต่อเนื่องเหลือ 28.014bps, 52.94bps ตามลำดับ สะท้อนความเสี่ยงลดลงอย่าง
น่าประหลาดใจ ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าจากวันศุกร์ 0.1% สู่ 30.186 บาทต่อเหรียญ แต่ยังเป็นระดับแข็งค่า ถ้าดู 2 ตัวแปรหลัก ดูเหมือน indicators ต่างๆไม่ได้สะท้อนมุมมองลบของนักลงทุนต่างชาติอย่างมีนัยสำคัญ!!
ส่วนผลกระทบต่อหุ้นกลุ่ม FOOD รวมถึงหุ้น CPF ซึ่งเป็น Top pick ไตรมาส 4 ของ โนมูระ พัฒนสิน ด้วยนั้น มองว่า กดดันเชิง Sentiment เท่านั้น แต่โดยพื้นฐานคาดว่า CPF ไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากมียอดขายกุ้งจากไทยไปสหรัฐฯราว 0.30% ของรายได้รวม และไทยไม่ได้ GSP กุ้งอยู่แล้ว
ดังนั้น มองจังหวะหุ้นย่อตัวเป็นโอกาสดีในการซื้อเน้นสะสม CPF รับอานิสงส์โรคระบาด ASF ที่ส่งผลให้เกิด Grand Cycle ของราคาหมูและไก่ หนุนกำไรปกติปีนี้และปีหน้าโตสูงถึง 169% และ 22%!!
อินเด็กซ์ 51