ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยวันที่ 28 พ.ค.62 ว่าดัชนีพลิกกลับมาปิดตลาดในแดนกบวก หลังตลอดทั้งวันสลับแกว่งตัวในแดนลบ โดยตลาดมาปิดทำการที่ 1,632 จุด บวก 7.20 จุด ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ตลาดหลักทรัพย์ฯก่อตั้งมากว่า 44 ปี ด้วยมูลค่า 204,855.67 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 12,534.95 ล้านบาท โดยเป็นแรงซื้อจากกองทุนต่างประเทศที่ต้องปรับพอร์ตการลงทุนตามการให้น้ำหนักของ บริษัทมอร์แกน สแตนเลย์ แคปปิตอล อินเตอร์เนชั่นแนล (MSCI) ที่ล่าสุดได้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นตลาดไทย โดยมีผลวันที่ 28 พ.ค.62 ทำให้มีแรงซื้อหนาแน่นในหุ้นตัวที่ได้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนจาก MSCI โดยหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรกคือ ปูนซิเมนต์ ไทย (SCC), BDMS, ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB), อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH), เซ็นทรัล พัฒนา (CPN) ซึ่งล้วนเป็นหุ้นใหญ่ที่ได้เพิ่มน้ำหนักการลงทุน
นอกจากนี้ ยังมีการซื้อขายรายการใหญ่ (บิ๊กลอต) ในหุ้นใหญ่ เช่น SCC มูลค่า 6,658.63 ล้านบาท, INTUCH มูลค่า 3,516.28 ล้านบาท, BDMS มูลค่า 2,808.37 ล้านบาท, SCB มูลค่า 2,274.33 ล้านบาท, BBL-F 1,908.51 ล้านบาท และ CPN 1,045.65 ล้านบาท เป็นต้น โดย บล.โนมูระ พัฒนสินระบุว่า MSCI Rebalance ได้เพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย โดยเป็นการเพิ่มน้ำหนักจาก 2.43% สู่ 2.9% ของดัชนี MSCI-EM ตลาดเกิดใหม่ โดยไทยเป็น 1 ใน 4 ตลาดเกิดใหม่ (EM) ที่ถูกเพิ่มน้ำหนัก นอกเหนือจากจีน ซาอุดีอาระเบีย และอาเจนติน่า
นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า มูลค่าซื้อขายที่สูงสุดนี้ ปัจจัยหลักมาจาก MSCI ที่เพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้นในตลาดหุ้นไทย ทำให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อหุ้นไทย ขณะที่ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า จากการศึกษาสถิติย้อนหลัง 10 ปี พบว่าราคาหุ้นที่เข้าคำนวณดัชนี MSCI มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ประกาศจนถึงวันที่มีผลบังคับใช้ โดยเฉพาะหุ้นที่ถูกคัดเลือกจะให้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 6.5% และมีความน่าจะเป็นสูงถึง 84% แต่ราคาจะค่อยๆ ลดลงหลังเข้าคำนวณดัชนีแล้ว.