ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ออกแถลงการณ์การดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิด 40 ราย ประกอบด้วย ผู้บริหารของบริษัท ผู้ใกล้ชิดและผู้เกี่ยวข้อง กรณีสร้างราคาหุ้นบริษัท คราวน์ เทค แอดวานซ์ จำกัด (มหาชน) (AJD) ซึ่งปัจจุบัน คือ บริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (AJA) ด้วยการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อขอให้กำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่ง ในอัตราโทษสูงสุดตามกฎหมายรวมเป็นเงิน 2,303 ล้านบาทเศษ พร้อมรายงานการดำเนินการต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เนื่องจากความผิดเกี่ยวกับการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าวเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 เพื่อพิจารณาดำเนินการต่ออีกด้วย
ทั้งนี้ การฟ้องร้องคดีดังกล่าว สืบเนื่องจากคณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำความผิด 40 ราย กรณีสร้างราคาหุ้น AJD โดยให้ชำระเงินค่าปรับทางแพ่ง แต่ปรากฏว่าบุคคลดังกล่าวไม่เข้ามารับทราบมาตรการลงโทษทางแพ่งหรือไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด จึงพิจารณาได้ว่าผู้กระทำความผิดทั้ง 40 ราย ไม่ยินยอมที่จะระงับคดีในชั้น ก.ล.ต. ดังนั้น ก.ล.ต. จึงมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีผู้กระทำความผิดทั้งหมดต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้กำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งในอัตราโทษสูงสุดตามกฎหมาย
นอกจากนี้ การที่นายอมร มีมะโน นายพิภัทร์ ปฏิเวทภิญโญ และนางณษิกา มีมโนนันท์ ซึ่งขณะกระทำความผิดดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการและหรือผู้บริหารของ AJD และ ค.ม.พ.นำมาตรการลงโทษปรับทางแพ่งมาใช้บังคับ มีผลทำให้บุคคลดังกล่าวมีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจในการเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียนตามประกาศ ก.ล.ต.จึงห้ามดำรงตำแหน่งกรรมการ และผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนเป็นเวลา 3 ปี นับแต่วันที่ 22 มี.ค.2562 ซึ่งเป็นระยะเวลาสูงสุดตามประกาศ ก.ล.ต. ดังกล่าว.