นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการฝ่ายบริหารบริษัทในเครือเอ็มทีเอสโกลด์ แม่ทองสุก เปิดเผยถึงทิศทางราคาทองคำไทยภายหลังการเลือกตั้งว่า คาดว่า ราคาทองคำไทยไม่น่าขยับได้มาก โดยมีแนวรับที่ 19,400 บาทต่อน้ำหนัก 1 บาททองคำ และมีแนวต้าน 19,700 บาทต่อบาททองคำ หากการเลือกตั้งสำเร็จด้วยดี จะสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนให้นักลงทุนต่างประเทศ ส่งผลให้เงินไหลเข้าไทย และดันให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น แต่ในทางกลับกัน จะกดดันให้ราคาทองคำในประเทศลดลง แต่ด้วยมุมมองของทิศทางราคาทองตลาดโลกยังเป็นขาขึ้น จึงทำให้ราคาทองคำในประเทศหลังเลือกตั้งทรงตัวในทิศทางขาลง
สำหรับแนวโน้มการลงทุนทองคำปี 62 นั้น พบว่า ในช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค. ราคาทองคำสูงขึ้นจาก 1,285 เหรียญสหรัฐฯต่อออนซ์ ทะลุ 1,300 เหรียญฯ ทำจุดสูงสุดที่ 1,346 เหรียญฯในช่วงปลายเดือน ก.พ. จากสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ แต่ตั้งแต่ต้นเดือน มี.ค. ราคาทองคำลดลงประมาณ 3% จากระดับ 1,330 เหรียญฯ มาที่ 1,285 เหรียญฯ และช่วงที่เหลืออีก 9 เดือน ประเมินว่า ในระยะยาวมีโอกาสเห็นค่าเงินเหรียญฯอ่อนค่าลงจากเศรษฐกิจสหรัฐฯที่เริ่มชะลอตัวลง ซึ่งจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ชะลอขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย และเกื้อหนุนต่อการปรับขึ้นของทองคำในตลาดโลกในระยะยาว
“ราคาทองคำน่าจะพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วจากไตรมาส 3 ปี 61 ที่ 1,160 เหรียญฯ ปีนี้น่าจะเห็นราคาทำจุดสูงสุดใหม่ได้ที่ 1,360 เหรียญฯขึ้นไป โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 1,350 เหรียญฯก่อน หากทะลุขึ้นไปได้ น่าจะเห็น 1,400 เหรียญฯ ในกรณีที่เฟดกับสงครามการค้าเป็นไปได้ด้วยดี น่าจะเห็นราคาปรับตัวลงได้ แต่น่าจะไม่หลุด 1,220 เหรียญฯ หรือทรงตัวที่ 1,250 เหรียญฯ หมายความว่า ราคาทองคำมีโอกาสปรับขึ้นมากกว่าลง และยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุน”.