ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 12 มี.ค.62 ปิดที่ 1,627.59 จุด บวก 0.16 จุด มีมูลค่า การซื้อขาย 37,172.14 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,066.49 ล้านบาท
หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 47.25 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, CPALL ปิด 76.75 บาท ลบ 0.50 บาท, SCC ปิด 476 บาท บวก 2 บาท, BDMS ปิด 23.70 บาท บวก 0.20 และ TMB ปิด 2.14 บาท ลบ 0.10 บาท ตลาดแกว่งแคบ ขาดปัจจัยใหม่ๆเข้ามากระตุ้น ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายเบาบาง
ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้ขยับในกรอบ 1,610-1,660 จุด ได้ปัจจัยบวกจากความหวังในการเจรจาการค้าสหรัฐฯและจีน ส่วนปัจจัยลบกรณีตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ เดือน ก.พ. เพิ่มขึ้นเพียง 20,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าที่คาดไว้ที่ 180,000 ตำแหน่ง ทำให้มีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
และ “โดนัลด์ ทรัมป์” เตรียมของบฯสร้างกำแพงกั้นชายแดนมูลค่า 8.6 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่า 5.7 พันล้านดอลลาร์ จากที่เคยขอไว้ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นงบฯปี 63 ที่จะเริ่ม 1 ต.ค.62 และรัฐสภาต้องผ่านงบฯก่อนถึงวันดังกล่าว
ปัจจัยที่ต้องจับตา คือนายกรัฐมนตรีจีน เตรียมแถลงปิดการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) “ทรัมป์” เตรียมแถลงนโยบายปี 63 และรัฐสภาอังกฤษลงมติต่อข้อตกลง Brexit ของ “เทเรซา เมย์”
แนะกลยุทธ์ เลือกลงทุนในหุ้นที่เข้าคำนวณ FTSE มีผล 15 มี.ค. FTSE Large Cap เช่น HMPRO-GULF-EA-MINT-MAKRO-BEM-DIF และ FTSE Mid Cap ได้แก่ MTC และ GPSC (HMPRO-MTC ราคาหุ้นขึ้น YTD น้อยกว่าดัชนี SET)
มีมุมมองบวกต่อการเติบโตของธุรกิจหลังเข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์ เช่น หุ้น PRM- XO-CAZ และ WHA
ด้าน บล.เออีซี แนะกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นเด่น 3 กลุ่ม คือ กลุ่ม Turnaround โดยเลือกหุ้นที่กำไรฟื้นตัวเด่นปีนี้ คือ TKS, TWPC, BEC, TVD กลุ่มโรงพยาบาล เพราะเป็นหุ้น Defensive บวกกระแสเงินสดแกร่งและธุรกิจขยายตัวได้ดี เลือก EKH, BCH และ BDMS
กลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์หลังเลือกตั้ง คือ ค้าปลีก หุ้น ROBINS, CPALL กลุ่มท่องเที่ยวเลือก AOT และกลุ่มสื่อ RS, VGI!!
อินเด็กซ์ 51