“ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน” วลีนี้ยังใช้ได้ดี และจำเป็นเสมอในฐานะเครื่องเตือนใจของนักลงทุนทุกระดับ โดยเฉพาะความไม่แน่นอนของการเมือง ทั้งในประเทศและระดับโลก ที่ส่งผลต่อความผันผวนของเศรษฐกิจ หลายเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2561 ต่อเนื่องมาจนถึงต้นปี 2562 นี้ ล้วนส่งผลต่อความไม่มั่นใจของนักลงทุนทั้งสิ้น แม้นักลงทุนรายย่อยอย่างเราก็ยังจำเป็นต้องระแวดระวังทุกย่างก้าว ตามติดทุกกระแส เพื่อสร้างความมั่นใจให้ได้มากที่สุดก่อนลงทุน ต่อไปนี้คือ 3 ปัจจัย 3 เหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อความผันผวนของตลาดทุนที่เราต้องจับตา
สองมหาอำนาจใหญ่ของโลกกำลังทำมหาสงครามทางการค้ากันอย่างเปิดเผย และมีทีท่าว่าจะไม่จบลงในเร็ววัน ในขณะเดียวกันก็คาดเดาทิศทางได้ยาก แต่หากได้ติดตามข่าวสารจะทราบว่า นี่คือการแลกหมัดต่อหมัดที่ไม่มีใครยอมใคร แต่ส่งผลต่อความผันผวนของเศรษฐกิจโลก โดยสหรัฐฯ เริ่มต้นด้วยการประกาศมาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อตอบโต้การทำการค้าที่ไม่เป็นธรรม และการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา แต่นักวิเคราะห์มองว่าสหรัฐฯ เพียงหวังจะสกัดกั้นยุทธศาสตร์ Made in China 2025 ซึ่งจีนมุ่งยกระดับอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนจากการผลิตเชิงปริมาณมาสู่เชิงคุณภาพด้วยการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ฝ่ายจีนตอบโต้กลับหลายระลอก พร้อมกับตัวละครใหม่ในสงครามการค้าครั้งนี้ที่ดูท่าว่าจะยืดเยื้อและกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างแน่นอน
เรื่องราวระหว่างอังกฤษ (UK) และสหภาพยุโรป (EU) ก็ยังคงเป็นนิยายอีกเรื่องที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจในหลายแง่มุมอย่างมาก นักลงทุนจากทั่วโลกยังต้องจับตามอง ‘Brexit’ หรือการที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปอย่างใกล้ชิด แม้จะยังอยู่ในช่วงเจรจาเพื่อยื่นข้อเสนอที่ลงตัวที่สุดร่วมกัน แต่นักลงทุนก็เชื่อว่า การตัดสินใจของอังกฤษในครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจธนาคาร ไปจนถึงอุตสาหกรรมบริการที่เป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศ เนื่องจากสูญเสียโอกาสการเข้าถึงตลาดหลักอย่าง EU การตัดสินใจของอังกฤษในครั้งนี้จึงนับได้ว่าส่งผลกระทบอย่างมากต่อการค้า และเศรษฐกิจของทั้งอังกฤษเอง หรือแม้แต่แรงกระเพื่อมต่อเศรษฐกิจโลก ที่นักลงทุนต้องเฝ้ามอง
กลับมาที่ประเทศไทย ข่าวคราวความคืบหน้าของการเลือกตั้งนับเป็นนิมิตหมายที่ดีอย่างหนึ่งสำหรับนักลงทุนมาตั้งแต่ปลายปี 2561 แต่ขณะเดียวกันความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นก็ยังส่งผลต่อความไม่มั่นใจของนักลงทุน รวมถึงความผันผวนของตลาดทุน นักวิเคราะห์มองว่าในสภาพการณ์เช่นนี้ การลงทุนยังคงเต็มไปด้วยความเสี่ยงอย่างมากและต้องเฝ้าจับตามองอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นสภาวการณ์ที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างมาก ขณะเดียวกันแม้จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นแล้วจริงภายในปี 2562 ตามที่ทุกฝ่ายเฝ้ารอ แต่เสถียรภาพและความสามารถของรัฐบาลชุดใหม่ ก็ยังอาจส่งผลต่อความผันผวนของเศรษฐกิจไทยต่อไปอีกได้ทุกเมื่อเช่นกัน
ไม่ว่าจะอย่างไร ชีวิตก็ยังคงต้องดำเนินไปภายใต้ความผันผวนของทั้งเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก ทว่าก็จำเป็นต้องเดินหน้าต่อไปด้วยความระแวดระวัง ในฐานะนักลงทุนรายย่อย เราจำเป็นต้องเลือกผู้เชี่ยวชาญตัวจริงที่เข้ามาเป็นผู้ช่วยสร้างความงอกเงย ในขณะที่เงินต้นก็ไม่หายไปเหมือนอย่างที่หลายคนกังวล แน่นอนว่าตัวเลือกในทุกวันนี้มีมากมาย แต่ก็ต้องอาศัยความเชื่อมั่นเป็นตัวชี้วัดด้วยเช่นกัน
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด นำเสนอ กองทุนเปิด เค การันตี 5 ปี B (KGT5YB) เป็นกองทุนรวมมีประกัน (Guaranteed Fund) กองทุนเดียวในไทย เงินลงทุนรับประกันโดย Credit Agricole ธนาคารจากประเทศฝรั่งเศสที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของยุโรป และอันดับ 10 ของโลก (ข้อมูล ณ ต.ค.2561) ซึ่งเป็นกองทุนรวมผสม แบบไม่กำหนดสัดส่วนการลงทุน โดยกองทุนจะลงทุนทั้งในตราสารหนี้ หุ้น หน่วยลงทุนของกองทุนรวม และ/หรือเงินฝากทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งบริหารจัดการโดยทีมผู้จัดการกองทุนระดับโลก Amundi Asset Management จากประเทศฝรั่งเศส
KGT5YB เป็นกองทุนเปิด ที่ถ้าผู้ลงทุนถือหน่วยลงทุนจนครบอายุโครงการ 5 ปี เงินลงทุนจะได้ “รับประกันเงินต้น 100%” ในขณะที่หากต้องการขายก่อนครบ 5 ปี ก็สามารถขายคืนได้ทุกวันทำการ มีโอกาสสร้าง ผลตอบแทนได้ด้วย ถ้ากองทุนมีมูลค่าต่อหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้น ก็สามารถขายเพื่อทำกำไรได้ แต่หากกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุนลดลง และขายคืนก่อนครบกำหนดอายุโครงการ ก็จะไม่ได้รับประกันเงินต้นคืนเต็มจำนวน
นับเป็นกองทุนที่เหมาะสมกับผู้ลงทุนที่เน้นการรักษาเงินลงทุนให้อยู่ครบ คาดหวังอัตราผลตอบแทนมากกว่าอัตราเงินเฟ้อบวกอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก และเป็นผู้ลงทุนที่สามารถรับความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ในต่างประเทศที่กองทุนไปลงทุนได้ โดยกองทุนนี้จะเสนอขายครั้งเดียว ในช่วง IPO วันที่ 11-15 กุมภาพันธ์ 2562 เริ่มต้นลงทุนเพียง 500 บาท ซึ่งสามารถซื้อขายได้ผ่านแอปพลิเคชัน K-My Funds และที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือที่ธนาคารทหารไทย
ผู้สนใจดูเงื่อนไขการรับประกันของ KGT5YB เพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/2DwVrrP
หรือสอบถามที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888
- ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
- กองทุนป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุน หรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
- ผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับสิทธิการประกันเงินลงทุน 100% หลังหักค่าธรรมเนียมการขายหน่วยลงทุน 0.25%
#KAsset #KGT5YB #เลือกให้แล้วว่าดี