บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้คาดว่าตลาดจะยังไปได้ไม่ไกล เนื่องจากมีความผันผวนหลังเข้าสู่ช่วงรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งหากมีการประกาศตัวเลขกำไรออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ อาจจะเป็นปัจจัยหนุนให้ดัชนีปรับตัวขึ้นได้
ขณะเดียวกันคาดการณ์ว่า KBANK จะรายงานผลการดำเนินงานออกมาดีกว่าคาด อย่างไรก็ตาม กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีในสัปดาห์นี้ มีแนวรับสำคัญที่ระดับ 1,680 จุด และแนวต้านที่ระดับ 1,710 จุด
สำหรับหุ้นเด่นน่าเข้าเก็งกำไรช่วงนี้ จะเป็นหุ้นที่มีแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3 เติบโตดี โดยกลุ่มรับเหมา อาทิ STEC กลุ่มลิสซิ่ง อาทิ THANI
ขณะที่มีบทวิเคราะห์ บล.บัวหลวง แนะนำซื้อหุ้น CPF ให้ราคาเป้าหมายตามปัจจัยพื้นฐานที่ 31 บาท ระบุว่า ผลประกอบการหลักมีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 61 จากกำไรของธุรกิจหมูในเวียดนามที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องQoQ
รวมถึงธุรกิจกุ้งในต่างประเทศและมาร์จินของธุรกิจปศุสัตว์ของไทยที่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งมีแนวโน้มกลบผลกระทบของการขาดทุนสุทธิของเบลลิซิโอที่ยังคงต่อเนื่องและธุรกิจกุ้งของไทยที่อ่อนตัวลง
โดยภาพรวมเราไม่มีความกังวลเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของ CPF ในตุรกี จีน และรัสเซีย ถึงแม้ว่าจะมีปัจจัยลบระยะสั้นเรื่องราคาปศุสัตว์ของไทยที่อ่อนตัวลงตามฤดูกาลก็ตาม ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” เนื่องจากการฟื้นตัวของกำไรหลักในช่วงครึ่งหลังของปี 61 และมูลค่าหุ้นที่ยังคงถูก
ซึ่งอัตราส่วน PER ปี 62 อยู่เพียงแค่ 10.9 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 13.2 เท่า!!
ปิดท้าย สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ตลาดหุ้นจีนสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเด้งมาปิดบวก เป็นผลมาจากนักลงทุนทยอยเก็บหุ้น หลังมีรายงานข่าวระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนจะประชุมร่วมกันนอกรอบในระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ที่อาร์เจนตินาในปลายเดือน พ.ย.นี้ ทำให้มีความหวังว่า ทั้งสองฝ่ายจะหาทางยุติข้อพิพาททางการค้าระหว่างกันได้
ทั้งนี้ ประเด็นสงครามการค้าจีนสหรัฐฯ ได้สร้างแรงกดดันต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและตลาดหุ้นโลกมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การพบกันระหว่างผู้นำ 2 ประเทศนี้ มีทางเป็นไปได้ทั้งอาจดีขึ้นหรือเลวร้ายลง เพราะไม่มีใครคาดเดา “โดนัลด์ ทรัมป์” ได้เลย!!
อินเด็กซ์ 51