ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 24 ก.ค.61 ปิดที่ 1,674.22 จุด ลดลง 1.53 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 56,098.90 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,309.54 ล้านบาท
หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 50.25 บาท ลบ 0.75 บาท, AOT ปิด 65.75 บาท บวก 1.75 บาท, PTTGC ปิด 80.75 บาท ลบ 0.25 บาท, IVL ปิด 59.50 บาท ลบ 0.25 บาท และ TMB ปิด 2.24 บาท บวก 0.06 บาท
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส ออกบทวิเคราะห์ประเมินกำไรหุ้นกลุ่มแบงก์ Q3/61 ระบุว่าเริ่มชะลอ หลังไตรมาส 2/61 ของแบงก์ 10 แห่งที่ฝ่ายวิจัยเอเซียพลัสศึกษา ทำกำไรได้ 5.33 หมื่นล้านบาท สูงกว่าที่คาดถึง 14% เพราะมีรายได้และกำไรอื่นๆเข้ามาชดเชย เช่น กำไรจากการขายเงินลงทุน, กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน, กำไรจากการขาย NPA เป็นต้น รวมถึงรายจ่ายที่ลดลง
ขณะที่ยังประเมินว่า ทิศทางกำไรของกลุ่มแบงก์ไตรมาส 3/61 จะกลับมาอ่อนตัว เนื่องจากไม่ได้คาดหวังรายได้อื่นเข้ามาช่วยชดเชย เหมือนเช่นไตรมาส 2 และแม้ว่ากำไรครึ่งปีแรกจะทำได้ 1.05 แสนล้านบาท เติบโต 8.7% yoy คิดเป็น 53% ของประมาณการกำไรทั้งปี แต่ฝ่ายวิจัยฯไม่ได้ปรับเพิ่มประมาณการขึ้น
โดยไตรมาส 3 กำไรกลุ่มแบงก์ที่มีโอกาสปรับลงจากการลดลงของรายได้อื่นที่ผันผวนสูง และค่าธรรมเนียมธุรกรรมออนไลน์ที่ยังลดลงต่อเนื่อง ขณะที่ปัจจัยขับเคลื่อนมาจากสินเชื่อ และการบริหาร NIM ที่มีประสิทธิภาพ
ดังนั้นจึงยังคงให้น้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่มแบงก์ “เท่ากับตลาด” เลือก BBL , TCAP เป็นหุ้น top picks โดยหุ้นที่แนะนำซื้อ BBL, TCAP, KBANK , LHBANK , KKP ส่วนหุ้นที่แนะนำ switch ได้แก่ BAY, KTB , SCB, TMB และ TISCO
ปิดท้าย บล.เออีซี มองหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวต่อ หลังงบไตรมาส 2 กลุ่มแบงก์ดีเกินคาด แต่ยังคงจับตาปัจจัยต่างประเทศ ทั้งสงครามการค้า
ค่าเงิน และการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดต่อเนื่อง ให้กรอบดัชนี 1,645-1,710 จุด
กลยุทธ์ลงทุน “Selective Buy” หุ้น Domestic พื้นฐานแกร่ง คือ หุ้นกลุ่มแบงก์ที่คาดกำไรโตหรือราคาหุ้นยัง Laggard โดยมี PBV ต่ำ เช่น KBANK, BBL, SCB
และหุ้นกลุ่มบริการ ค้าปลีก โรงพยาบาล ท่องเที่ยว ที่คาดกำไร 2Q ยังโต เช่น BJC, HMPRO, MC, BDMS, BCH, RJH, AOT, MINT, SPA และหุ้นที่จ่าย Div. Yield สูงเกินปีละ 5% เช่น KKP, TTW, MC, SMPC!!
อินเด็กซ์ 51