“เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์” ช็อปเพลินหุ้นอาร์เอสก่อนสงกรานต์อีกลอตใหญ่ เกือบ 4 เดือนทุ่มซื้อประมาณ 340 ล้านบาท รวมมูลค่าหุ้นในมือกว่า 9 พันล้านบาทแล้ว คาดสิ้นปีราคาพุ่งทะลุหมื่นล้าน
ตั้งแต่ต้นปี 2561 นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ หรือเฮียฮ้อ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ได้ซื้อหุ้นอาร์เอสประมาณ 11 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 340 ล้านบาท ราคาที่ซื้อสูงสุดคือ 31.75 บาท ส่วนราคาต่ำสุดคือ 24.75 บาท หรือคิดเป็นราคาเฉลี่ยหุ้นละ 29.36 บาท โดยล่าสุดวันนี้ (18 เม.ย.)
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เผยแพร่ข้อมูลการซื้อขายหุ้นของผู้บริหารอาร์เอสช่วงก่อนสงกรานต์ที่ผ่านมาว่า นายสุรชัยได้ซื้อหุ้นสามัญเมื่อวันที่ 11 เม.ย.จำนวน 908,600 หุ้น ราคาหุ้นละ 26.14 บาท และวันที่ 12 เม.ย. ซื้ออีก 1,500,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 26.38 บาท
ก่อนหน้านี้ ก.ล.ต.ได้เผยแพร่ข้อมูลว่า ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ของอาร์เอส คือนายโสรัตน์ วณิชวรากิจ ได้ขาย 15 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 28 บาท เมื่อวันที่ 5 เม.ย. คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1.5 โดยเฮียฮ้อได้เข้าซื้อในวันดังกล่าว 4,500,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 27.27-28 บาท
นับเป็นการเก็บหุ้นเพิ่มอย่างต่อเนื่องของเฮียฮ้อ จากเดิมที่มีข้อมูลแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในส่วนภาพรวมข้อมูลผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 7 มี.ค.2561 เฮียฮ้อมีหุ้นอาร์เอสอยู่ 323,400,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 32.02 ของหุ้นทั้งหมด หากคำนวณราคาหุ้นละประมาณ 27 บาท เท่ากับมีมูลค่าประมาณ 8,731 ล้านบาท หากรวมกับการไล่เก็บหุ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เท่ากับว่าเฮียฮ้อถือหุ้นในอาร์เอสคิดเป็นเม็ดเงินมูลค่ากว่า 9,000 ล้านบาท ด้วยสัดส่วนการถือหุ้นเป็นอันดับ 1 รวมร้อยละ 33.5
ข้อมูลจากบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส วิเคราะห์หุ้นอาร์เอสไว้เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า มีราคาเป้าหมายปี 2561 อยู่ที่ 35 บาท จากผลประกอบการที่มีรายได้เพิ่มขึ้น โดยปี 2561 คาดรายได้ 5,335 ล้านบาท กำไร 871 ล้านบาท ปี 2562 รายได้ 7,204 ล้านบาท กำไร 1,314 ล้านบาท
รายได้ที่เพิ่มขึ้นเพราะคาดว่าโฆษณาในทีวีดิจิตอลช่องอาร์เอสจะดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 ปีนี้ แต่รายได้ที่สำคัญคือ สินค้าเพื่อสุขภาพ และความงาม ทั้งครีมบำรุง ผลิตภัณฑ์ดูแลผม อาหารเสริม และการที่เริ่มเพิ่มสินค้าเครื่องใช้ในบ้าน เช่น เครื่องครัว ไดร์เป่าผม ชุดชั้นใน มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงยังจะมีสินค้าใหม่เข้ามาในกลางไตรมาส 2 นี้ด้วย
หากแผนธุรกิจเป็นไปตามเป้าหมาย และราคาหุ้นเพิ่มขึ้นตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ มูลค่าหุ้นในมือของเฮียฮ้อก็จะมีโอกาสทะลุหมื่นล้านบาทได้ไม่ยาก