ตลาดหุ้นไทยดิ่งกว่า 40 จุด โดนหางเลขสองยักษ์เปิดสงครามการค้า

ตลาดหุ้นไทยดำดิ่งปรับตัวลงลึกกว่า 40 จุด ผวาสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ตึงเครียด ขณะที่หุ้นใหญ่กลุ่มพลังงานและ กลุ่มแบงก์โดนถล่มหนัก หลัง รมว.คลัง เปรยแบงก์กินส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) สูง ซ้ำร้ายธนาคารกสิกรไทยออกมายอมรับสภาพ ปรับลดเป้ารายได้ค่าธรรมเนียมลง หลังเจอสงครามฟรีค่า ธรรมเนียมของระบบธนาคารพาณิชย์

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันที่ 4 เม.ย. ว่า หุ้นไทยปรับตัวลงรุนแรงจากความกังวลสงครามการค้าระหว่างชาติมหาอำนาจจีนกับสหรัฐฯที่ทวีความตึงเครียดมากขึ้น โดยล่าสุดจีนได้ออกมาตรการตอบโต้สหรัฐฯอีกระลอก กดดันตลาดหุ้นไทยและเอเชียร่วงลงถ้วนหน้า โดยดัชนีหุ้นไทยลดลงมาปิดตลาดที่ 1,724.98 จุด ลดลง 40.26 จุด ใกล้จุดต่ำสุดของวัน ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นกว่า 93,160.59 ล้านบาท โดยกองทุนในประเทศเทขายสุทธิหนักสุด 3,859.63 ล้านบาท พอร์ตโบรกเกอร์ขายสุทธิ 3,862.21 ล้านบาท ขณะที่รายย่อยซื้อสุทธิสวนตลาดที่ 7,517.73 ล้านบาท ส่วนต่างชาติซื้อสุทธิ 204.11
ล้านบาท

ตลาดหุ้นไทยยังโดนปัจจัยภายในประเทศกดดัน ที่ทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นธนาคารพาณิชย์ออกมาอย่างหนัก หลังนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ออกมาระบุว่า ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ของธนาคารพาณิชย์อยู่ในระดับสูงเกินไปและต้องการให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผลักดันให้ส่วนต่างลดลง

ขณะที่หุ้นกลุ่มแบงก์ยังถูกซ้ำเติมด้วยการประกาศของธนาคารกสิกรไทยที่ออกมายอมรับว่า ได้ปรับเป้าหมายทางการเงินของธนาคารลง โดยเฉพาะรายได้ที่มิใช่รายได้ดอกเบี้ย (ค่าธรรม– เนียม) หลังเกิดสงครามการแข่งขันฟรีค่าธรรมเนียมบริการการเงินออนไลน์ของธนาคารพาณิชย์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

นายอดิศวร์ หลายชูไทย รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย แจ้งตลาดหลักทรัพย์ ว่า คณะกรรมการธนาคารมีมติอนุมัติปรับเป้าหมายทางการเงินของธนาคารในส่วนของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย สำหรับปี 61 เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และสภาวะเศรษฐกิจโดยกำหนดเป้าหมายของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย (ค่าธรรมเนียมต่างๆ) ว่าจะเติบโตติดลบ 6-8% ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีสัดส่วนเป็น 40% ของรายได้รวม นอกจากนี้ ยังกำหนดเป้าหมาย ส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.2-3.4% ส่วนการเติบโตของสินเชื่ออยู่ที่ 5-7% และสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) อยู่ที่ 3.3-3.4%

ด้านนางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า หุ้นไทยปรับตัวลงจากความกังวลสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ แต่มองว่าไม่ได้มีผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทยที่ยังสามารถเติบโตได้ดี เพราะไม่ได้มีผลกระทบโดยตรงกับไทย เพราะสัดส่วนการส่งออกของไทยไปจีนมีเพียง 10% ทั้งจากการส่งออกของ บจ. และที่ไม่ใช่ บจ. โดยสินค้าส่วนใหญ่ที่ส่งออกเป็นสินค้าอุปโภคและบริโภคไม่ใช่สินค้าวัตถุดิบที่จีนใช้ในการผลิตเพื่อส่งออก และไทยส่งออกวัตถุดิบไปสหรัฐฯค่อนข้างน้อย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 4 เม.ย. จีนประกาศ จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ 106 รายการ เพิ่มเติมในอัตรา 25% ซึ่งรวมถึงถั่วเหลือง ยานยนต์ เคมีภัณฑ์ และอากาศยาน คิดเป็นมูลค่าราว 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ใกล้เคียงกับมูลค่าที่สหรัฐฯใช้มาตรการลงโทษทางการค้ากับจีน ถือเป็นการตอบโต้อย่างทันควัน หลังสหรัฐฯประกาศรายชื่อสินค้านำเข้าจากจีนที่จะถูกขึ้นบัญชีเรียกเก็บภาษีในอัตรา 25% ซึ่งเป็นมาตรการลงโทษจีนต่อกรณีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา.