ปี 64 มูลค่ามาร์เก็ตแคปแตะ 22 ล้านล้าน ซื้อขายหุ้นวันละแสนล้าน!

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ปี 64 มูลค่ามาร์เก็ตแคปแตะ 22 ล้านล้าน ซื้อขายหุ้นวันละแสนล้าน!

Date Time: 14 มี.ค. 2561 08:50 น.

Summary

  • ตลาดหลักทรัพย์มั่นใจปี 64 มาร์เก็ตแคปทะยานแตะ 20–22 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 150% ของจีดีพีจากปัจจุบันอยู่ที่ 18.7 ล้านล้านบาท โดยมูลค่าที่เพิ่มขึ้นมาจากหุ้นเข้าใหม่ บริษัทจดทะเบียน (บจ.)

Latest

AOT จ่อคืนเงิน 193 ล้านบาท ให้ คิง เพาเวอร์ฯ หลังเรียกคืนพื้นที่ขยายอาคารฯ รับนักท่องเที่ยวเพิ่ม

ตลาดหลักทรัพย์มั่นใจปี 64 มาร์เก็ตแคปทะยานแตะ 20–22 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 150% ของจีดีพีจากปัจจุบันอยู่ที่ 18.7 ล้านล้านบาท โดยมูลค่าที่เพิ่มขึ้นมาจากหุ้นเข้าใหม่ บริษัทจดทะเบียน (บจ.) เพิ่มทุน และราคาหุ้นที่สูงขึ้น ตั้งเป้าดันมาร์เก็ตแคปเพิ่มปีละไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท และมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 1 แสนล้านบาท

นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เปิดเผยในงาน “SET Talk ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์พบสื่อมวลชน” ว่า ตลาดหลักทรัพย์มั่นใจว่ามูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป)รวมปี 64 จะเพิ่มขึ้นแตะ 20-22 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 150 % ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จากหุ้นใหม่ที่เข้ามาจดทะเบียนและการเพิ่มทุนของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งจะเพิ่มมูลค่ามาร์เก็ตแคปใหม่ได้ปีละไม่ต่ำกว่า 500,000 ล้านบาท แต่ปีที่ผ่านมา ถือว่ามีมูลค่าการระดมทุนสูงถึง 600,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมาจากบริษัทจดทะเบียนที่มีคุณภาพดีขึ้น ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น โดยปัจจุบันมาร์เก็ตแคปรวมของตลาดหลักทรัพย์อยู่ที่ 18.7 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 120% ของจีดีพี

นอกจากนี้ ยังตั้งเป้ามูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันหรือวอลุ่มเทรด ในปี 64 แตะ 100,000 ล้านบาทต่อวัน จากปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 73,000 บาทต่อวัน โดยมีบางวันมูลค่าการซื้อขายแตะ 100,000 ล้านบาท ขณะที่บริษัทจดทะเบียนมีสำหรับปี 63 คาดว่า สัดส่วนนักลงทุนรายย่อยจะอยู่ที่ 50% และนักลงทุนสถาบันในและต่างประเทศ อยู่ที่ 50% จากปี 60 สัดส่วนนักลงทุนรายย่อย อยู่ที่ 48% นักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างประเทศที่ 52%

นางเกศรา กล่าวว่า ปีนี้การดำเนินงานของ ตลาดหลักทรัพย์ยังคงมุ่งเน้นการสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง โดยการมุ่งสู่ดิจิทัลและการขับเคลื่อนนวัตกรรมอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อก้าวเป็นผู้นำในภูมิภาคและการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งการทำงานในปีที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ได้มีการปรับเกณฑ์การรับหลักทรัพย์ให้สะท้อนคุณภาพ, ปรับเกณฑ์การเพิกถอนให้ชัดเจน, เสริมสร้างความรู้ในทุกระดับ ทั้ง CEO Club, Strategic CFO, IPO Roadmap เป็นต้น และการเพิ่มเครื่องหมาย C เพื่อเตือนผู้ลงทุนในหุ้นที่เริ่มมีสัญญาณด้านฐานะการเงิน รวมถึงการมุ่งเน้นในเรื่องของ Digital ต่างๆ ที่ช่วยให้ผู้ลงทุนเข้าถึงการลงทุนได้ง่ายยิ่งขึ้น

นางเกศรายังกล่าวต่อว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ ร่าง พ.ร.ก. การประกอบธุรกิจทรัพย์สินดิจิทัลเพื่อให้อำนาจผู้ดูแลเรื่องดังกล่าวมีอำนาจกำกับดูแลตามกฎหมาย และเพื่อป้องกันการนำไปใช้ในทางไม่สุจริต ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ต้องติดตามเกณฑ์เรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพราะหาก พ.ร.ก. ออกมาบังคับใช้ตลาดหลักทรัพย์จะสามารถนำเกณฑ์นี้ไปใช้ในส่วนที่ตลาดหลักทรัพย์เกี่ยวข้องได้

นางเกศรายังกล่าวถึงผลงาน ในช่วง 4 ปี ( 57-61) ในการดำรงตำแหน่งผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์คนที่ 12 ซึ่งกำลังจะหมดวาระในเดือน พ.ค.นี้ ว่า ได้มีการพัฒนาตลาดทุนไทยในการสร้างรากฐานเพื่อการเติบโตที่มั่นคง ในเรื่องระบบงานต่างๆ การขยายฐานนักลงทุน การเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ เพิ่มคุณภาพของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งล้วนมีพัฒนาการที่ดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจนก้าวป็นผู้นำของตลาดหุ้นในภูมิภาคที่โดดเด่นในเวทีโลก รวมทั้งส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนจากการส่งเสริมเรื่อง ESG สิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance)


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ