ตลาดหุ้นไทยพุ่งยืนเหนือ 1,800 จุด ขึ้นทำลายสถิติสูงสุดในรอบ 43 ปี

Investment

Stocks

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ตลาดหุ้นไทยพุ่งยืนเหนือ 1,800 จุด ขึ้นทำลายสถิติสูงสุดในรอบ 43 ปี

Date Time: 12 ม.ค. 2561 09:07 น.

Summary

  • มีแรงซื้อหุ้นรายตัวที่มีข่าว หรือปัจจัยบวกเข้ามากระตุ้นดันดัชนีมาปิดทำการที่ระดับสูงสุดของวันที่ 1,802.80 จุด ขยับขึ้นมายืนปิดเหนือระดับ 1,800 จุด

Latest

เปิดพอร์ตหุ้น หมอบุญ วนาสิน จากผู้ก่อ THG เหลืออันดับที่ 11 สู่หมายจับฉ้อโกงกู้เงิน 8 พันล้าน

จับตาแรงขาย “กองทุนแอลทีเอฟ”

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันที่ 11 ม.ค.61 ว่า มีแรงซื้อหุ้นรายตัวที่มีข่าว หรือปัจจัยบวกเข้ามากระตุ้นดันดัชนีมาปิดทำการที่ระดับสูงสุดของวันที่ 1,802.80 จุด ขยับขึ้นมายืนปิดเหนือระดับ 1,800 จุดได้เป็นครั้งแรกในประวัติการณ์ นับตั้งแต่ตลาดหุ้นไทยก่อตั้งมาในปี 2518 หรือในรอบ 43 ปี ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 86,821.50 ล้านบาท แม้นักลงทุนต่างชาติจะยังคงขายสุทธิต่ออีก 1,142.73 ล้านบาท

ทั้งนี้ นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า ตลาดได้แรงหนุนจากปัจจัยเฉพาะตัวในประเทศ หลังนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยว่ายังฟื้นตัวต่อเนื่อง ขณะที่นักวิเคราะห์เริ่มมีการปรับเพิ่มประมาณการผลประกอบการหุ้นรายกลุ่ม ทำให้มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นที่ยัง laggard หรือหุ้นที่ราคายังปรับตัวขึ้นน้อยกว่าตลาดในภาพรวม ขณะที่มองทิศทางตลาดระยะสั้น โดยคาดหุ้นไทยยังคงแกว่งผันผวนเกาะบริเวณ 1,800 จุด ซึ่งมาจากการซื้อขายมาจากเม็ดเงินในประเทศเป็นหลัก

ขณะที่นายอิสระ อรดีดลเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ไทยพาณิชย์ ประเมินว่า ดัชนีหุ้นไทยปีนี้มีโอกาสขึ้นไปได้ถึงระดับ 1,900 จุด หรือเพิ่มขึ้นอีก 8% จากปัจจุบัน บนอัตราส่วนของราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) เฉลี่ยของตลาดหุ้นไทยที่ 16 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 14.4 เท่า และคาดการณ์อัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) อยู่ที่ 122 บาทต่อหุ้นเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วอยู่ที่ 111 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นกำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโตได้ 8-10% และมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 2.5-3%

โดยแรงขับเคลื่อนการปรับขึ้นของหุ้นไทยมาจาก 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่ การใช้นโยบายการคลังเพื่อกระตุ้นการบริโภคและการลงทุน วัฏจักรการลงทุนรอบใหม่ที่กำลังเริ่มต้น รวมถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและโครงการที่เกี่ยวเนื่องจากโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และภาวะเงินฝืดที่กำลังหมดไป ขณะที่การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นจะเป็นแรงหนุนระลอกสอง ช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นนักลงทุนทำให้บรรยากาศการลงทุนดีขึ้น นอกจากนี้ กระแสเงินทุนต่างชาติยังเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันการปรับขึ้นของตลาด แต่ในระยะสั้นขอให้ระมัดระวังการเทขายหุ้นของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF)


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ