ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 30 ต.ค.60 ปิดที่ 1,718.66 จุด เพิ่มขึ้น 2.63 จุดมีมูลค่าการซื้อขาย 63,223.79 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 3,192.61 ล้านบาท
หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 420 บาท บวก 4 บาท, KBANK ปิด 220 บาท บวก 7 บาท, TTCL ปิด 19.50 บาท ลบ 0.50 บาท, AOT ปิด 58.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง และ TOA ปิด 35 บาท ลบ 1.50 บาท
มีบทวิเคราะห์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุว่า ได้ปรับเพิ่มเป้าดัชนีหุ้นไทยสิ้นปีหน้าเป็น 1,875 จุด อิง P/E 15 เท่า ในปี 61 โดยเลือก AMATA, BJC, CPF, IRPC, IVL, MAJOR, MALEE, QH, TMB และ TRUE เป็นหุ้นเด่น!!
ให้ข้อมูลว่า ไทยจะยังเกินดุลบัญชีเดินสะพัดสูงในปีหน้า ด้วยการส่งออกที่เพิ่มขึ้นและสถิตินักท่องเที่ยวที่แข็งแกร่ง ดังนั้น การปรับขึ้นดอกเบี้ยในสหรัฐฯ จะไม่ทำให้เกิดการไหลออกของเงินทุนจำนวนมาก แม้คาดว่าไทยจะยังตรึงดอกเบี้ยถึงสิ้นปี 61 กรอบเวลาการเลือกตั้งที่ชัดเจนขึ้น บวกกับเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวจะกระตุ้นให้การลงทุนภาคเอกชน!!
มีข่าว “กอบชัย ธนสุกาญจน์” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายการเงินและบัญชี TTCL เผยความคืบหน้าโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินที่เมืองพะอัน รัฐคะฉิ่น ขนาด 1,280 เมกะวัตต์ ซึ่งจะใช้เงินลงทุนราว 9.8 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ปี 61 ใช้เวลาก่อสร้าง 5 ปี และจะถึงจุดคุ้มทุน 12-13 ปี ให้ผลตอบแทนจากการลงทุน 10-13%
โดยระหว่างนี้กำลังศึกษาแนวทางการระดมทุน ซึ่งต้องระดมเงิน 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 1 หมื่นล้านบาท ศึกษาไว้ 4 แนวทางคือ นำบริษัททีทีซีแอล พาวเวอร์ โฮลดิ้ง บริษัทย่อยที่สิงคโปร์ ระดมทุนเข้าตลาดหุ้นไทย, ตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน, เปิดทางพันธมิตรญี่ปุ่นถือหุ้น 40% ในโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน และเพิ่มทุน TTCL ซึ่งจะเป็นหนทางสุดท้าย ไม่อยากให้กระทบผู้ถือหุ้น คาดว่าจะได้ข้อสรุปครึ่งแรกปี 61
ทั้งนี้ การนำทีทีซีแอล พาวเวอร์ โฮลดิ้ง มาเข้าตลาดหุ้นไทยได้เปลี่ยนจากแผนเดิมที่จะนำเข้าตลาดหุ้นสิงคโปร์หลังพบว่าตลาดหุ้นไทยมีขนาดใหญ่ขึ้น และมี พี/อี เฉลี่ยสูงกว่าตลาดหุ้นสิงคโปร์ รวมทั้งมีฐานนักลงทุนที่หลากหลาย จึงมองว่าการเข้าตลาดหุ้นไทยน่าจะดีกว่า และที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ได้มาชักชวนด้วย!!
สำหรับปีนี้รายได้จะต่ำกว่าปี 59 ที่มีรายได้ 2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากงานก่อสร้างและสัญญาใหม่เข้ามาต่ำกว่าเป้าที่คาดจะได้มาปีละ 700–800 ล้านดอลลาร์ แต่ช่วงที่ผ่านมาเข้ามาเพียง 300 ล้านดอลลาร์!!
อินเด็กซ์ 51