ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพิ่มขึ้น 31.02% จากการสำรวจครั้งก่อนโดยนักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมั่นสูงสุด บลจ.ทาลิส ประเมินปลายปีนี้จะมีเม็ดเงินไหลเข้ากองทุน LTF–RMF ซื้อหุ้นไทย 2 หมื่นล้านบาท เตือนนักลงทุนอย่าประมาท เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง
นายสันติ กีระนันทน์ รองกรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในฐานะผู้แทนสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในตลาดหุ้นเดือน ต.ค. อยู่ที่ 162.63 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 31.02% จากการสำรวจเดือนก่อนหน้า ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ร้อนแรงอย่างมาก และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่สำรวจมา ซึ่งเป็นผลจากสำนักวิจัยหลายแห่ง ได้ปรับเพิ่มประมาณการเติบโตของเศรษฐกิจไทยและดัชนีหุ้นไทยเพิ่มขึ้น
“ดัชนีความเชื่อมั่นอยู่ในจุดสูงสุดนับตั้งแต่ทำการสำรวจมา นักลงทุน กลุ่มที่มีความเชื่อมั่นสูงที่สุด คือกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ ที่มีความเชื่อมั่น 180 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 28% ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ มีดัชนีความเชื่อมั่น 175 จุด เพิ่มขึ้น 40% นักลงทุนสถาบันอยู่ที่ 155 จุดเพิ่มขึ้น 21% นักลงทุนรายบุคคลอยู่ที่ 153.05 จุด เพิ่มขึ้น 32%”
ทั้งนี้ ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลมากที่สุด ซึ่งนักลงทุนรายบุคคล และบริษัทหลักทรัพย์ มองว่า เป็นเรื่องของกระแสเงินทุนที่ไหลเข้ามาลงทุน และภาวะเศรษฐกิจในประเทศ ที่ดีขึ้น นักลงทุนสถาบันมองว่า เป็นเรื่องการไหลเข้าของเงินทุน ฯลฯ นักลงทุนต่างชาติ มองว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศที่ดีขึ้น ฯลฯ ส่วนปัจจัยลบที่กดดันตลาดหุ้น นักลงทุนรายบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ สถาบันในประเทศ มองว่า ยังมี ความกดดันจากความขัดแย้งระหว่างประเทศเป็นปัจจัยที่น่ากังวลมากที่สุด นักลงทุนต่างชาติกังวลเรื่องสัดส่วนหนี้ภาคครัวเรือนของไทย รองลงมา คือ สถานการณ์เศรษฐกิจยุโรป
“อุตสาหกรรมที่นักลงทุนมองว่าน่าสนใจลงทุน บริษัทหลักทรัพย์และสถาบันในประเทศเห็นว่า หุ้นกลุ่มธนาคารน่าลงทุนมากที่สุด นักลงทุนรายบุคคล มองว่า กลุ่มท่องเที่ยวน่าลงทุนที่สุด นักลงทุนต่างชาติ มองกลุ่มพาณิชย์น่าลงทุนที่สุด ส่วนหุ้นกลุ่มที่ไม่น่าลงทุน นักลงทุนกลุ่มบุคคล มองว่า หุ้นกลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ไม่น่าลงทุน นักลงทุนกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ มองว่า หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างไม่น่าลงทุน นักลงทุนสถาบันมองว่า กลุ่มธนาคารไม่น่าลงทุน”
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังมีโอกาสเพิ่มขึ้น เนื่องจากเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้า โดยตั้งแต่ต้นปีต่างชาติซื้อสุทธิ 16,700 ล้านบาท แต่นักลงทุนต้องระมัดระวังการลงทุน ต้องศึกษาข้อมูลงบการเงินทั้งกำไรขั้นต้น แหล่งที่มาของกำไร ระมัดระวังด้วยว่าบริษัทใดที่มีหนี้สินสูง เพราะอาจกระทบกับความสามารถในการทำกำไรในอนาคตได้ บริษัทที่ดีต้องมีการ บริหารทรัพย์สินและหนี้สินที่ดี นักลงทุนต้องติดตามข่าวสาร หากบริษัทใดที่ตลาดหลักทรัพย์ฯมีการแจ้งเตือนหรือให้บริษัทชี้แจงข้อมูล ก็ต้องระมัดระวังการลงทุน ไม่ใช่เห็นหุ้นขึ้นก็จะกระโจนเข้าไปลงทุนโดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยง
นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทาลิส กล่าวว่า ในปีหน้ามองว่ากำไรต่อ หุ้นเฉลี่ยของตลาดหุ้นไทยจะอยู่ที่ 110 บาทต่อหุ้น และจะมีการซื้อขายในระดับพี/อี คาดการณ์ล่วงหน้าที่ 15 -18 เท่า ทำให้ประเมินดัชนีหุ้นไทยปีหน้าอยู่ในกรอบ1,600-1,900 จุด และปัจจัยหนุนตลาดหุ้นไทย คือเม็ดเงินที่ไหลเข้ามาลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) คาดว่ามีมูลค่า 20,000 ล้านบาท แต่ช่วงต้นปีหน้ามีโอกาสที่เม็ดเงินอาจไหลออก จากการครบกำหนดอายุ กองทุน 10,000 ล้านบาท แต่จะไม่กระทบต่อภาวะตลาด.