ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า ดัชนีหุ้นได้ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง ท่ามกลางแรงซื้อที่ทะลักเข้ามาอย่างหนาแน่น ดันดัชนีหุ้นไทยทะยานปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน จนมาปิดตลาดที่ระดับ 1,659.10 จุด บวก 16.16 จุด ทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 23 ปี 9 เดือน จากดัชนีสูงสุดเดิมเมื่อวันที่ 6 ม.ค.ปี 2537 อยู่ที่ 1,667.94 จุด ท่ามกลางมูลค่าซื้อขายที่หนาแน่น 72,127.38 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 3,035.46 ล้านบาท และกองทุนในประเทศซื้อสุทธิ 1,056.72 ล้านบาท ส่วนรายย่อยขายสุทธิ 4,513.45 ล้านบาท
นายประกิต สิริวัฒนาเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท หลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย กล่าวว่า มีแรงซื้อเข้ามาอย่างหนาแน่นจากนักลงทุนต่างชาติและสถาบันในประเทศ ด้วยปัจจัยบวกคือหุ้นไทยยังไม่แพงมากเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นภูมิภาค ขณะที่เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณการขยายตัวที่ชัดเจนขึ้น และต่างชาติมองว่าหุ้นไทย มีความปลอดภัยในการลงทุน ขณะที่สถานการณ์การเมืองของไทยก็มีความชัดเจนมากขึ้นว่าจะมีการเลือกตั้งในปีหน้า ทำให้มีความเชื่อมั่น และภายในปีนี้หุ้นไทยมีโอกาสทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์หรือ All time high ได้
ขณะที่นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า หุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้ดีเกินคาด จากเงินทุนต่างชาติ เห็นได้จากหุ้นขนาดใหญ่ที่ปรับตัวขึ้นนำตลาด โดยพื้นฐานต่างๆหุ้นไทยพร้อมขึ้นมากกว่าลง เมื่อเงินทุนต่างชาติไหลเข้า หุ้นไทยก็ทะยานขึ้นจนทะลุนิวไฮขึ้นมาได้ โดยหุ้นไทยขึ้นรอบนี้ ส่วนหนึ่งมาจากช่องว่างผลตอบแทนระหว่างหุ้นกับสินทรัพย์อื่น เช่น ตราสารหนี้กว้างขึ้น และราคาหุ้นไทยก็ไม่ได้แพงกว่าหุ้นเพื่อนบ้าน ขณะที่ปัจจัยในช่วงสั้นไม่มีอะไรน่ากังวลมากนัก เว้นแต่สถานการณ์ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี ส่วนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) นั้น มองว่าไม่รีบปรับขึ้นดอกเบี้ย.