นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้เห็นชอบใช้กลไกกองทุนน้ำมันในการรักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล ให้อยู่ที่ระดับ 32 บาทต่อลิตร ภายหลังจากมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ดีเซลลง 5 บาทต่อลิตร จะสิ้นสุดลงในวันที่ 20 ก.ค.นี้ โดยแนวทางการใช้กองทุนน้ำมันเพื่อบริหารจัดการราคาน้ำมันดีเซลดังกล่าวจะดำเนินการตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค.2566 ต่อเนื่องไปอีก ระยะเวลาหนึ่งตามสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันที่จะดำเนินการได้
ทั้งนี้ ยืนยันว่า กบน.จะดูแลประชาชนเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายในยามที่เศรษฐกิจประเทศกำลังฟื้นตัว แต่จะดูแลได้นานเพียงใด ไม่อาจระบุชัดเจนได้ ขึ้นอยู่กับระดับราคาน้ำมันดีเซลตลาดโลกเป็นสำคัญ เพราะหากปรับขึ้นสูงต่อเนื่องก็จะมีผลต่อฐานะกองทุนน้ำมัน ซึ่งหากยังยืนระดับในปัจจุบัน จะรักษาระดับราคาดีเซลที่ 32 บาทต่อลิตรไว้ต่อได้ แต่ หากราคาน้ำมันดีเซลตลาดโลกพุ่งสูงเกินระดับ 110-125 เหรียญต่อบาร์เรล ก็คงจะต้องทบทวนเป็นระยะๆ “เมื่อมีรัฐบาลใหม่ สกนช.คงจะนำเรื่องดังกล่าวเสนอให้ รมว.พลังงาน เพื่อหารือ ถึงแนวทางในการช่วยลดภาษีสรรพสามิตดีเซล 5 บาทต่อลิตรอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากราคาน้ำมันยังอยู่ในภาวะวิกฤติคือราคา ขายปลีกน้ำมันดีเซลยังอยู่ระดับสูงเกิน 30 บาทต่อลิตร และฐานะกองทุนน้ำมันยังคงติดลบ”
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 16 ก.ค.2566 ฐานะกองทุนน้ำมันติดลบ 49,829 ล้านบาท แบ่งเป็นติดลบจากบัญชีน้ำมัน 4,316 ล้านบาท และบัญชีก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ติดลบ 45,513 ล้านบาท จากการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันดีเซลและแอลพีจีในช่วงที่ผ่านมา โดยปัจจุบันกองทุนน้ำมันมีรายรับจากการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันจากน้ำมันรวมทุกประเภท 10,000 ล้านบาทต่อเดือน.