วาระลับ! ครม.ออก พ.ร.ก.1.5 แสนล้านบาท ให้คลังค้ำเงินกู้ “กองทุนน้ำมัน” หลังฐานะบักโกรก

ครม.ไฟเขียววาระลับ ออก พ.ร.ก.ให้กระทรวงการคลังค้ำประกันการกู้เงินของกองทุนน้ำมัน วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท หลังกองทุนน้ำมันฯขาดสภาพคล่อง ติดลบกว่าแสนล้าน และที่ผ่านมาไม่มีแบงก์ไหนยอมให้กู้ “วิษณุ” เผย ครม. เตือนยังไม่ต้องรีบร้อนกู้ รอขั้นตอนผ่านสภาก่อน ด้านนายกฯระบุยอมรับค่าไฟต้องปรับขึ้น แต่แนะให้ขึ้นแบบคนเดือดร้อนน้อยที่สุด

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังค้ำประกันการชำระหนี้ของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ...และการกู้ยืมเงินของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงพลังงานควรจะมีการชี้แจง แต่ก็คงจะไม่ชี้แจงเนื่องจากเป็นวาระลับ ต้องรอให้มีการออกกฎหมายให้สมบูรณ์ก่อน ซึ่งขั้นตอนการดำเนินการของการออก พ.ร.ก.หลังจาก ครม.เห็นชอบแล้ว จะส่งไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ก่อนที่จะประกาศเป็นราชกิจจานุเบกษา จากนั้นจึงเสนอรัฐสภา ซึ่งหมายถึงสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภารับทราบตามที่รัฐบาลรายงานให้รับทราบก่อน หากไม่มีการทักท้วงก็จะถือว่าเป็นกฎหมาย 100%

“ในช่วงระหว่างขั้นตอนของการพิจารณานี้ กองทุนน้ำมันฯก็คงยังไม่กล้ากู้เงิน เพราะต้องรอขั้นตอนของรัฐสภาก่อน โดยได้คุยกันใน ครม.ก่อนแล้วว่าไม่ต้องรีบร้อนกู้ และไม่จำเป็นต้องใช้การกู้เงินมากขนาดนั้น ส่วนวงเงินในการค้ำประกันจะอยู่ที่เท่าไหร่นั้น ขอให้กระทรวงการคลังชี้แจงดีกว่า”

ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวสั้นๆว่า เรื่องดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา และขอให้สอบถามกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ในรายละเอียด ส่วนเรื่องนี้จะเป็นภาระงบประมาณแค่ไหนนั้น รมว.คลัง ย้ำคำเดิมว่า ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาต้องรอให้การพิจารณาเรียบร้อยก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การพิจารณาเรื่องดังกล่าวถูกกำหนดให้เป็นวาระลับ มีการแจกและเก็บเอกสารคืนในที่ประชุม โดยนายสุพัฒนพงษ์ ได้ชี้แจงกับ ครม.ว่า ที่ผ่านมากองทุนน้ำมันฯ ได้พยายามหาแนวทางและเจรจากับสถาบันการเงินหลายแห่งเพื่อนำมาเสริมสภาพคล่องกองทุนน้ำมันฯแต่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมา ราคาน้ำมันและราคาก๊าซปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมาก ทำให้สถานะของกองทุนน้ำมันฯ ปัจจุบันติดลบมากกว่า 100,000 ล้านบาท จึงต้องขออนุมัติให้กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้ของกองทุนน้ำมันฯเพื่อให้กองทุนสามารถดำเนินการกู้เงินได้ 150,000 ล้านบาท โดยที่ขอกรอบวงเงินที่สูง เนื่องจากปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯมีกระแสเงินสดหมุนเวียนไม่มากนักแค่หลักพันล้านบาท และราคาพลังงานในตลาดโลกยังทรงตัวในระดับสูง

แม้ว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกจะปรับลดลงบ้าง แต่ราคาก๊าซธรรมชาติยังจะทรงตัวในระดับสูงต่อไปอีกเป็นระยะเวลานานพอสมควร และอาจมีบางช่วงเวลาที่ราคาพลังงานอาจปรับสูงขึ้นจนกระทบกับการใช้เงินในกองทุนน้ำมันฯไปช่วยตรึงราคา และชดเชยราคาน้ำมันและก๊าซเพื่อช่วยเหลือประชาชน จึงต้องขอวงเงินเผื่อไว้ โดยก่อนหน้านี้มีแนวทางว่าจะเสนอขอค้ำประกันเงินในวงเงิน 200,000 ล้านบาท แต่จะเป็นภาระงบประมาณสูงเกินไป อย่างไรก็ตาม การดำเนินการกู้เงินของกองทุนน้ำมันฯในอนาคตอาจมีความจำเป็นต้องกู้เงินเพิ่มเติมในจำนวนที่เพิ่มขึ้นได้

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.เห็นชอบการเรียกให้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียน ปีบัญชี 2565 จำนวน 14,377 ล้านบาท ส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินโดยเร็ว ซึ่งหลังจากนำส่งแล้ว กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานยังมีกระแสเงินสดที่ดำเนินงานได้ปกติโดยไม่ขาดสภาพคล่อง 11,734 ล้านบาท

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าว่า เป็นอำนาจของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ซึ่งต้องให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ไปพิจารณา เป็นกติกาและกฎหมายโดยรัฐบาลได้ให้หลักคิดไปแล้ว ทำอย่างไรให้ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด และดูเหตุผลความจำเป็นให้สามารถที่จะเดินเครื่องเดินไฟฟ้าต่อไปได้ เหมือนค่าน้ำมันค่าแก๊ส ซึ่งใช้งบประมาณอุดหนุนไปจำนวนมากพอสมควร และอันนี้เป็นอีกอันที่ต้องดูแล “ทุกคนต้องเข้าใจ ไม่ใช่นำไปพาดหัวข่าวขึ้นเป็น 5 บาทแล้วแต่มันขึ้นเป็นสตางค์เข้าใจไหม อย่าไปเขียนให้คนเขาเข้าใจผิด แต่ผมก็โอเค ขึ้นก็ต้องขึ้น แต่ขึ้นจากอะไรต้องไปดูสาเหตุ”

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวว่า เป็นมติ ครม.ที่น่าเสียใจที่สุดเพราะเหมือนปล้นประชาชน เราปล่อยให้โรงกลั่นน้ำมันกำไรมหาศาล ปล่อยให้ขึ้นค่าการตลาด พอราคาน้ำมันสูง รัฐก็เอาเงินกองทุนน้ำมันไปจ่าย ก็คือเงินของประชาชน เอาเงินของประชาชนไปใส่กระเป๋าโรงกลั่น แต่พอกองทุนติดลบแทนที่จะไปเก็บกำไรส่วนเกินกับกลุ่มธุรกิจน้ำมัน ครม. กลับออกกฎหมาย โยกมาเป็นหนี้สาธารณะให้ประชาชนแบกต่อ.