ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงการคลังมีแนวโน้มขยายเวลามาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซลออกไปอีก 3 เดือน จากเดิมจะสิ้นลงวันที่ 20 พ.ค.นี้ เพื่อแบ่งเบาภาระผู้ประกอบการและค่าครองชีพประชาชน พยุงราคาสินค้ามิให้ปรับขึ้นราคามากเกินไป เพราะจะกระทบการใช้จ่ายของประชาชน โดยอยู่ระหว่างศึกษาเปรียบเทียบ การปรับลดอัตราภาษีลิตรละ 1.50 บาท และลิตรละ 3 บาท และผลกระทบค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงต่อเนื่อง รวมถึงราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกขยับขึ้นไปสูงสุดถึง 120-130 เหรียญต่อบาร์เรล แต่หากสงครามคลี่คลายน่าจะทำให้ราคาน้ำมันโลกปรับตัวลง ดังนั้น ต้องรอดูสถานการณ์ต่างๆที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงและส่งผลให้ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับลง โดยที่รัฐบาลไม่จำเป็นต้องเข้าไปอุ้มราคาน้ำมันสูงถึงลิตรละ 3 บาท เพราะกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของรัฐ
ทั้งนี้ การลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน เพื่อช่วยพยุงราคาน้ำมันในประเทศทำให้รัฐเสียรายได้จากภาษีถึง 17,100 ล้านบาท ซึ่งต้องหาแหล่งรายได้อื่นเข้ามาชดเชย แต่ปัจจุบันมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจที่เข้ามาสูงกว่าคาด และการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากรที่สูงเกินเป้าหมายเฉียดแสนล้านบาท อาจทำให้รัฐบาลตัดสินใจขยายเวลาลดภาษีน้ำมันดีเซลออกไปอีกได้.