ความต้องการทองคำของผู้บริโภคชาวไทยโตสูงสุดในอาเซียนติดต่อกัน 2 ไตรมาส ขณะที่ความต้องการทองคำทั่วโลกพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มูลค่ารวมกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ ทำให้ปีนี้ราคาทองคำพุ่งทำสถิติใหม่แล้วมากกว่า 30 ครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาทองคำโลก (WGC) ได้รายงานแนวโน้มความต้องการทองคำไตรมาส 3 ปี 67 ที่ผ่านมา ความต้องการทองคำของผู้บริโภคในประเทศไทย ยังคงมีอัตราการเติบโตสูงสุดในกลุ่มประเทศอาเซียนต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 2 โดยพุ่งสูงขึ้น 11% เทียบกับปีที่ผ่านมา คิดเป็นปริมาณ 14.5 ตัน ขณะเดียวกันปริมาณความต้องการทั่วโลกยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยมีปริมาณความต้องการทองคำทั้งหมดจากทุกภาคส่วนเพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อน อยู่ที่ระดับ 1,313 ตัน นับเป็นปริมาณความต้องการโดยรวมของไตรมาส 3 ที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ และนับเป็นมูลค่าของความต้องการทองคำรวมสูงกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการเก็บสถิติ โดยได้รับแรงหนุนจากภาคการลงทุนที่แข็งแกร่ง ท่ามกลางภาวะราคาทองคำที่สูงเป็นประวัติการณ์ ด้านความต้องการทองคำสำหรับการลงทุน ได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า เทียบกับปีก่อนมาอยู่ที่ 364 ตัน เนื่องจากความต้องการในกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน (ETF) ทองคำทั่วโลก ได้เพิ่มปริมาณทองคำขึ้นจำนวนรวม 95 ตัน ถือเป็นไตรมาสแรก ที่มีทิศทางเป็นบวกนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ของปี 65 เป็นต้นมา โดยส่วนใหญ่เกิดจากนักลงทุนฝั่งตะวันตก
“แม้ความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองคำทั่วโลกลดลง 9% แต่ความต้องการของไทยกลับสวนทางกับโลกและเติบโตเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบปีก่อน โดยมีจำนวนอยู่ที่ 12.1 ตัน ในไตรมาส 3 และนับเป็นประเทศที่มีความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองคำสูงเป็นอันดับที่ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองคำทั่วโลกปีนี้ยังคงอยู่ที่ระดับ 859 ตัน เป็นระดับที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 10 ปี ซึ่งอยู่ที่ 774 ตัน
“เซาไก ฟาน” (Shaokai Fan) หัวหน้าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมจีน) และหัวหน้าธนาคารกลางระดับโลกของสภาทองคำโลก กล่าวว่า ความต้องการทองคำของผู้บริโภคในไทยมีความแข็งแกร่ง ส่วนหนึ่งเพราะการเริ่มโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” รวมถึงการแจกเงินสด ที่ช่วยหนุนเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลได้เริ่มโครงการนี้ปลายไตรมาส 3 อาจช่วยหนุนความต้องการทองคำในไตรมาส 4 ได้ “ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ความกังวลการเมืองและเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงคาดการณ์ว่าราคาทองคำจะพุ่งสูงขึ้น ได้กระตุ้นความต้องการทองคำของนักลงทุนในกลุ่มอาเซียน โดยทั้งไทย อินโดนีเซียและมาเลเซีย ต่างโตระดับตัวเลข 2 หลักเมื่อเทียบกับปีก่อน
ด้านหลุยส์ สตรีท (Louise Street) นักวิเคราะห์การตลาดอาวุโสสภาทองคำโลก กล่าวว่า มองกระแสการลงทุนทองคำยังเป็นแนวโน้มที่น่าจะเกิดขึ้นต่อไป ทำให้ปริมาณความต้องการทองคำและระดับราคาให้อยู่ในระดับสูง ขณะเดียวกันเราได้เห็นราคาทองคำพุ่งทำสถิติใหม่มาแล้วมากกว่า 30 ครั้งในปี 67 ซึ่งสภาวะนี้ยังคงเป็นความท้าทายสำหรับผู้บริโภคต่อไป ขณะที่โอกาสในการเติบโตทางเศรษฐกิจ เป็นอีกปัจจัยที่ต้องจับตาเพราะอาจส่งผลต่อทิศทางราคาทองคำได้”.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” เพิ่มเติม