“ออมทอง” ซื้อเก็บรายเดือน เริ่มต้นช่วงราคาพีก โอกาส ร่ำรวย หรือ ติดดอย

Investment

Gold

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

“ออมทอง” ซื้อเก็บรายเดือน เริ่มต้นช่วงราคาพีก โอกาส ร่ำรวย หรือ ติดดอย

Date Time: 13 มี.ค. 2567 10:56 น.

Video

ล้วงไส้ TEMU อีคอมเมิร์ซจีน บุกไทย ทำไมอาจสร้างวิบากกรรมกว่าที่คิด ? | Digital Frontiers

Latest


การ “ออมทอง” เป็นรูปแบบการลงทุนที่ได้รับความนิยมมาช้านาน ด้วยความเชื่อที่ว่า ทองคำ คือสินทรัพย์ปลอดภัย ถ้าออมไว้ก็มีแต่ขึ้นในระยะยาว ดังนั้นจึงเป็นโอกาสสร้างกำไรในระยะยาว 


แต่ด้วยราคาทองคำไทยสุดพีก ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดในปี 2567 แล้วกว่า 11 ครั้ง ทะลุ 3.65 หมื่นบาทต่อบาททองคำ อยู่ในจุดที่สูงสุดที่สุดในประวัติศาสตร์ เลยเกิดคำถามว่า ถ้าจะเริ่มออมทองตอนนี้ จะทันไหม เสี่ยงขาดทุน หรือเปล่า 


โดย Thairath Money ได้สำรวจความเห็น ผู้ค้าทอง ให้ความเห็นตรงกัน โดยเชื่อแนวโน้มราคาทองคำในระยะยาวยังสามารถปรับตัวขึ้นได้ต่อในอีก 2-3 ปี ซึ่งวิธีลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (DCA) ถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจในการเข้าสะสมทอง เพราะสามารถลดความเสี่ยงจากราคาที่อาจผันผวนได้


อย่างไรก็ดี ราคาทองคำไทยเช้าวันนี้ (13 มีนาคม 2567) ครั้งที่ 1 ปรับลด 100 บาท ส่งผลให้ราคาทองคำแท่งน้ำหนัก 1 บาท รับซื้อบาทละ 36,450 บาท ขายออกบาทละ 36,550 บาท ส่วนราคาทองรูปพรรณน้ำหนัก 1 บาท รับซื้อบาทละ 35,792.76 บาท ขายออกบาทละ 37,050 บาท


ศิริลักษณ์ ปโกฏิประภา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส เปิดเผยกับ “Thairath Money” ว่า การลงทุนแบบ DCA หรือการถัวเฉลี่ยต้นทุน จากการลงทุนเท่ากันทุกเดือนนั้น เป็นทางเลือกหนึ่งในการลงทุน ซึ่งมีข้อดีคือการลดความเสี่ยงจากราคาต้นทุนที่สูงได้


ทั้งนี้ ยังมองว่าการลงทุนทองคำแบบ DCA ยังมีความน่าสนใจ แม้ปัจจุบันราคาทองคำจะปรับตัวเพิ่มอย่างต่อเนื่อง แต่หากมองภาพการลงทุนใน 2-3 ปีข้างหน้า เชื่อว่าราคาทองคำยังเป็นขาขึ้นในระยะยาว


อย่างไรก็ตาม การลงทุนแบบ DCA นั้นเหมาะกับนักลงทุนที่ไม่ค่อยได้ติดตามข่าวสาร และลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา แต่อาจจะไม่ได้ต้นทุนที่พอใจเหมือนกับการเลือกลงทุนเองตามช่วงเวลา


ด้าน พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) เปิดเผยว่า ราคาทองคำในตลาดโลกได้ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดต่อเนื่องจากต้นปี จากนโยบายดอกเบี้ย ที่มองว่าปีนี้จะต้องปรับลงแล้ว พร้อมแรงหนุนจากการประกาศตัวเลขอัตราการจ้างงานของสหรัฐฯ ล่าสุดที่มีอัตราการว่างงานสูงกว่ารอบก่อน และสูงกว่าคาดการณ์ ทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราคายกระดับต่ำสุดและระดับสูงสุดแบบรายวัน บ่งชี้ว่ายังมีแรงซื้อเพิ่มขึ้นในระยะสั้น


สำหรับภาพรวมระยะกลางสำหรับราคาทองคำ สัญญาณยังเป็นบวก แม้ราคาจะปรับขึ้นมามากแล้ว แต่ยังคงให้เป้าหมายไว้ที่เดิมที่ 2,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ แต่ได้ปรับมุมมองว่าราคาทองคำอาจไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น โดยอาจจะได้เห็นภายในครึ่งปีแรก


ส่วนระยะยาว 2-3 ปี ทิศทางทองคำยังคงเป็นบวกต่อเนื่อง ตามทิศทางดอกเบี้ยที่คาดว่าจะเป็นทิศทางขาลงไปอีก 2-3 ปี ส่วนราคาทองคำในประเทศนั้นมองว่ามีโอกาสถึง 40,000 บาทต่อบาททองคำภายในครึ่งปีแรกเช่นกัน


ขณะที่ นักวิเคราะห์ฯ บริษัท ออสสิริส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ว่า ราคาทองคำโลกปิดลบครั้งแรก หลังปิดปรับบวกต่อเนื่อง 9 วัน ล่าสุดปิดลบ 26 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1% ที่ระดับ 2,157 ดอลลาร์สหรัฐ ในวันจันทร์ที่ 12 หลังดัชนี CPI ของสหรัฐ ปรับตัวขึ้น 3.2% ในเดือนกุมภาพันธ์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ซึ่งมากกว่าเดือนมีนาคม ทำให้นักลงทุนกลับมากังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจไม่รีบเร่งลดดอกเบี้ย ทำให้ราคาทองโดนทุบทันทีหลังเดินหน้าทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง


อย่างไรก็ตามสำหรับภาพรวมระยะยาวคาดการณ์ว่าราคาจะเฉลี่ยของทองคำในไตรมาสที่ 3-4 ปี 2567 จะอยู่ที่ 2,150 ดอลลาร์สหรัฐ บนสมมติฐานที่ว่าเฟดเริ่มลดอัตราดอกเบี้ย

อ่านข่าวทองคำ หุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์