การ “ออมทอง” เป็นรูปแบบการลงทุนที่ได้รับความนิยมมาช้านาน ด้วยความเชื่อที่ว่า ทองคำ คือสินทรัพย์ปลอดภัย ถ้าออมไว้ก็มีแต่ขึ้นในระยะยาว ดังนั้นจึงเป็นโอกาสสร้างกำไรในระยะยาว
แต่ด้วยราคาทองคำไทยสุดพีก ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดในปี 2567 แล้วกว่า 11 ครั้ง ทะลุ 3.65 หมื่นบาทต่อบาททองคำ อยู่ในจุดที่สูงสุดที่สุดในประวัติศาสตร์ เลยเกิดคำถามว่า ถ้าจะเริ่มออมทองตอนนี้ จะทันไหม เสี่ยงขาดทุน หรือเปล่า
โดย Thairath Money ได้สำรวจความเห็น ผู้ค้าทอง ให้ความเห็นตรงกัน โดยเชื่อแนวโน้มราคาทองคำในระยะยาวยังสามารถปรับตัวขึ้นได้ต่อในอีก 2-3 ปี ซึ่งวิธีลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (DCA) ถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจในการเข้าสะสมทอง เพราะสามารถลดความเสี่ยงจากราคาที่อาจผันผวนได้
อย่างไรก็ดี ราคาทองคำไทยเช้าวันนี้ (13 มีนาคม 2567) ครั้งที่ 1 ปรับลด 100 บาท ส่งผลให้ราคาทองคำแท่งน้ำหนัก 1 บาท รับซื้อบาทละ 36,450 บาท ขายออกบาทละ 36,550 บาท ส่วนราคาทองรูปพรรณน้ำหนัก 1 บาท รับซื้อบาทละ 35,792.76 บาท ขายออกบาทละ 37,050 บาท
ศิริลักษณ์ ปโกฏิประภา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส เปิดเผยกับ “Thairath Money” ว่า การลงทุนแบบ DCA หรือการถัวเฉลี่ยต้นทุน จากการลงทุนเท่ากันทุกเดือนนั้น เป็นทางเลือกหนึ่งในการลงทุน ซึ่งมีข้อดีคือการลดความเสี่ยงจากราคาต้นทุนที่สูงได้
ทั้งนี้ ยังมองว่าการลงทุนทองคำแบบ DCA ยังมีความน่าสนใจ แม้ปัจจุบันราคาทองคำจะปรับตัวเพิ่มอย่างต่อเนื่อง แต่หากมองภาพการลงทุนใน 2-3 ปีข้างหน้า เชื่อว่าราคาทองคำยังเป็นขาขึ้นในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม การลงทุนแบบ DCA นั้นเหมาะกับนักลงทุนที่ไม่ค่อยได้ติดตามข่าวสาร และลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา แต่อาจจะไม่ได้ต้นทุนที่พอใจเหมือนกับการเลือกลงทุนเองตามช่วงเวลา
ด้าน พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) เปิดเผยว่า ราคาทองคำในตลาดโลกได้ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดต่อเนื่องจากต้นปี จากนโยบายดอกเบี้ย ที่มองว่าปีนี้จะต้องปรับลงแล้ว พร้อมแรงหนุนจากการประกาศตัวเลขอัตราการจ้างงานของสหรัฐฯ ล่าสุดที่มีอัตราการว่างงานสูงกว่ารอบก่อน และสูงกว่าคาดการณ์ ทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราคายกระดับต่ำสุดและระดับสูงสุดแบบรายวัน บ่งชี้ว่ายังมีแรงซื้อเพิ่มขึ้นในระยะสั้น
สำหรับภาพรวมระยะกลางสำหรับราคาทองคำ สัญญาณยังเป็นบวก แม้ราคาจะปรับขึ้นมามากแล้ว แต่ยังคงให้เป้าหมายไว้ที่เดิมที่ 2,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ แต่ได้ปรับมุมมองว่าราคาทองคำอาจไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น โดยอาจจะได้เห็นภายในครึ่งปีแรก
ส่วนระยะยาว 2-3 ปี ทิศทางทองคำยังคงเป็นบวกต่อเนื่อง ตามทิศทางดอกเบี้ยที่คาดว่าจะเป็นทิศทางขาลงไปอีก 2-3 ปี ส่วนราคาทองคำในประเทศนั้นมองว่ามีโอกาสถึง 40,000 บาทต่อบาททองคำภายในครึ่งปีแรกเช่นกัน
ขณะที่ นักวิเคราะห์ฯ บริษัท ออสสิริส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ว่า ราคาทองคำโลกปิดลบครั้งแรก หลังปิดปรับบวกต่อเนื่อง 9 วัน ล่าสุดปิดลบ 26 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1% ที่ระดับ 2,157 ดอลลาร์สหรัฐ ในวันจันทร์ที่ 12 หลังดัชนี CPI ของสหรัฐ ปรับตัวขึ้น 3.2% ในเดือนกุมภาพันธ์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ซึ่งมากกว่าเดือนมีนาคม ทำให้นักลงทุนกลับมากังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจไม่รีบเร่งลดดอกเบี้ย ทำให้ราคาทองโดนทุบทันทีหลังเดินหน้าทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามสำหรับภาพรวมระยะยาวคาดการณ์ว่าราคาจะเฉลี่ยของทองคำในไตรมาสที่ 3-4 ปี 2567 จะอยู่ที่ 2,150 ดอลลาร์สหรัฐ บนสมมติฐานที่ว่าเฟดเริ่มลดอัตราดอกเบี้ย
อ่านข่าวทองคำ หุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้