นายธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มฮั่วเซ่งเฮง ผู้ค้าทองรายใหญ่ของไทย กล่าวถึงราคาทองคำที่ปรับขึ้นร้อนแรงทำ All-time high หรือสูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดวันที่ 7 มี.ค.67 ทองแท่งในประเทศสูงขึ้น โดยขายออกแตะ 36,350 บาท ยังคงทำ All-time high ทั้งนี้ หากดูไทม์ไลน์การปรับขึ้นของทองในประเทศเริ่มร้อนแรงตั้งแต่วันเสาร์ที่ 2 มี.ค. หลังวันที่ 9 ก.พ.67 ราคาทองแท่งในประเทศแตะ 34,550 บาท และยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จนวันที่ 2 มี.ค.ราคาทองในประเทศทะยานขึ้นไปที่ 35,000 บาท และราคาขายออกอยู่ที่ 35,200 บาท ทำให้ตลอดทั้งสัปดาห์นี้ราคาทองคำขึ้นแรงไม่หยุดทะลุ 36,000 บาท ในเวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์
สอดคล้องกับราคาทองในตลาดโลกที่ปรับขึ้นแรงต่อเนื่อง และทำ All- time high แตะ 2,160 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นผลจากข้อมูลภาคการผลิตและภาคบริการของสหรัฐฯ และความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯออกมาอ่อนแอและต่ำกว่าที่ตลาดคาด ทำให้ตลาดมีความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจจำเป็นต้องลดดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ในช่วงไตรมาส 3 โดยตลาดคาดว่าเฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยครั้งแรกเดือน มิ.ย.67 ส่วนการแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีของเฟดต่อสภาคองเกรสชี้ชัดลดดอกเบี้ยปีนี้แน่นอน แม้ไม่ได้ฟันธงว่าจะลดเมื่อไร ขณะที่ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ยังช่วยหนุนราคาทอง ทั้งสงครามรัสเซีย-ยูเครน ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง อิสราเอล-ฮามาส และวิกฤติทะเลแดง รวมทั้งด้านเทคนิคยังเป็นขาขึ้นชัดเจน ส่วนเงินบาทก็มีผลกับราคาทองในประเทศปีนี้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเงินบาทอ่อนค่า 1.20 บาท มีผลบวกกับราคาทองในประเทศราว 1,100 บาท ทั้งนี้ แนะนักลงทุนถือทองคำต่อได้ มองระยะยาวยังเป็นขาขึ้น โดยดอกเบี้ยที่เป็นขาลงของเฟดจะทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าและความเสี่ยงอิสราเอล-ฮามาสที่อาจรุนแรงขึ้นในวันที่ 10 มี.ค.นี้จะดันให้ราคาทองพุ่งขึ้นอีก ให้เป้าราคาทองโลกที่ 2,200 ดอลลาร์ ทองแท่งในประเทศ 37,000 บาท.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่