ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การโจมตีระหว่างกลุ่มฮามาสกับอิสราเอล ที่ทวีความรุนแรงจนกลายเป็นสงคราม ส่งผลกดดันการลงทุนในตลาดหุ้นโดยตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ปรับตัวลง นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยงโยกเงินไปลงทุนในสินทรัพย์มั่นคงที่มีความปลอดภัยสูงอย่างทองคำ ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นแรง โดยสมาคมค้าทองคำ รายงานราคาซื้อขายทองคำวันที่ 9 ต.ค.66 ราคาเคลื่อนไหวตลอดวันเพิ่มขึ้น 450 บาทต่อบาททองคำ โดยทองคำแท่งขายออกบาทละ 32,500 บาท ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยติดลบไปกว่า 10 จุด ก่อนพยุงตัวมาปิดที่ 1,431.72 จุด ลดลง 6.73 จุด มีมูลค่าซื้อขายเบาบาง 47,452.81 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส ระบุว่า สงครามอิสราเอลเสี่ยงบานปลาย อาจทำให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงผันผวนหนัก เงินทุนไหลไปพักในสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น โดยราคาทองคำปรับตัวแล้ว และน่าจะทำให้เงินทุนยังไม่ไหลเข้าหุ้นไทย ขณะที่ราคาน้ำมันเริ่มขยับขึ้น อาจดีต่อราคาหุ้นกลุ่มน้ำมัน แต่หากยืดเยื้อ จะกังวลเงินเฟ้อสูงอีกรอบ จึงต้องติดตามใกล้ชิด หากลุกลามในระดับภูมิภาค อาจเกิดผลกระทบวงกว้าง โดยเฉพาะราคาน้ำมันสูงขึ้น
ด้านนางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส (YLG) กล่าวว่า นักลงทุนกังวลเหตุการณ์อาจยืดเยื้อ จึงโยกเงินมาพักไว้ในทองคำ ทำให้ราคาทองคำสูงขึ้น หากสิ้นปีนี้ยังไม่คลี่คลาย มีโอกาสทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง “ทองคำขึ้นต่อเนื่องถึง 3 ปี แม้ระยะสั้นอาจมีแรงเทขายทำกำไรตามรอบ แต่ระยะยาว ราคาจะเป็นขาขึ้นไปอีก 3-5 ปี หากผ่านจุดสูงสุดของปีที่ 2,079 เหรียญสหรัฐฯ ต่อออนซ์ไปได้ จะปรับขึ้นไปที่ 2,125- 2,200 เหรียญฯ สำหรับผู้ต้องการซื้อเก็งกำไรระยะสั้น ราคา 1,823-1,804 เหรียญฯเป็นจังหวะซื้อได้ ส่วนแนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1,879 เหรียญฯ แต่ไม่ควรไล่ราคา ใช้แนวรับที่ 1,804 เหรียญฯ เป็นจุดตัดขาดทุน
ส่วนราคาน้ำมันนั้น นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ไทยจะยังไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง เพราะไม่ได้นำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) จากอิสราเอลหรือปาเลสไตน์ “สั่งการให้หน่วยงานในสังกัด ประเมินและเตรียมความพร้อมสำรองพลังงาน หากสถานการณ์รุนแรงขึ้น ปัจจุบันไทยมีปริมาณสำรองน้ำมันดิบ 3,910 ล้านลิตร ปริมาณสำรองน้ำมันดิบที่อยู่ระหว่างขนส่งอีก 1,637 ล้านลิตร น้ำมันสำเร็จรูป 2,180 ล้านลิตร ทำให้มีน้ำมันสำรองใช้ได้กว่า 2 เดือน เป็นน้ำมันดิบ 33 วัน อยู่ระหว่างขนส่งอีก 14 วัน และน้ำมันสำเร็จรูป 20 วัน ส่วนก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ภาคครัวเรือนใช้ได้ 21 วัน”
อย่างไรก็ตาม หากยืดเยื้อและรุนแรง สิ่งที่น่ากังวลที่สุด คือ ราคาพลังงานโลกที่อาจสูงขึ้น แต่กระทรวงจะดำเนินการอย่างเต็มที่ในการบรรเทาผลกระทบกับประชาชน ขอให้ประชาชนใช้พลังงานอย่างประหยัดและคุ้มค่าที่สุด
ขณะที่นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า คาดว่าการสู้รบจะจำกัดพื้นที่ไม่บานปลาย ขณะที่การค้าระหว่างประเทศ ไม่น่าได้รับผลกระทบมากนัก เพราะยอดส่งออกและนำเข้าระหว่างไทยกับอิสราเอลต่อปีไม่มากนัก “สิ่งที่กังวล คือ ราคา น้ำมันจะผันผวนสูงขึ้น จากความวิตกของตลาดที่เกรงว่าการสู้รบอาจบานปลาย ซึ่งจะมีผลต่อต้นทุนการผลิต”
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สงครามครั้งนี้ ไม่น่าส่งผลต่อปริมาณน้ำมันในโลก เพราะไม่ได้เป็นแหล่งผลิตน้ำมัน แต่อาจทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น 3-4 เหรียญฯต่อบาร์เรล แต่ในช่วงสั้นๆ
ล่าสุดราคาน้ำมันดิบเริ่มลงแล้ว เชื่อว่า สิ้นปีนี้ ราคาน้ำมันตลาดโลกจะอยู่ในกรอบ 100 เหรียญฯต่อบาร์เรล “ปตท.พร้อมรองรับความมั่นคงพลังงานในประเทศ ประชาชนไม่ต้องกังวล ปตท.จะทำหน้าที่ให้ประเทศมีพลังงานใช้อย่างเพียงพอ โดย ปตท.เข้าถึงแหล่งผลิตน้ำมันได้ทั่วโลก หากในบางพื้นที่มีปัญหา เช่น ตะวันออกกลางก็ยังนำน้ำมันจากแหล่งอื่นมาใช้ได้”
ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้อาจจะไม่ยืดเยื้อเหมือนสงครามรัสเซีย-ยูเครน เพราะยังไม่มีประเทศที่สามเข้ามา หรือยังไม่มีกองกำลังของประเทศที่สามเข้ามาช่วยเหลือทั้ง 2 ฝ่าย จึงขึ้นอยู่กับ 2 ฝ่ายว่าจะตอบโต้รุนแรงเพียงใด ส่วนผลกระทบกับไทย ด้านการค้าน่าจะไม่มากนัก เพราะมูลค่าการค้าไทย-อิสราเอล 40,000-50,000 ล้านบาท เท่ากับการส่งออกของไทยใน 1 เดือน หากมูลค่านี้หายไป การส่งออกจะลดลงเพียง 0.2% ส่วนด้านท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวอิสราเอลเที่ยวไทยปีละ 200,000 คน ถือว่าไม่มาก “แต่ผลทางอ้อม คือ ราคาน้ำมัน ตลาดโลกขึ้นทันที 4% หรือ 3 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล แต่เหตุการณ์นี้ไม่น่ากระทบประเทศผู้ผลิตอื่นๆ จึงคาดว่า ราคาน้ำมันไม่ควรเพิ่มรุนแรง”.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่