ราคาทองคำแนวโน้มยังพุ่งสูงขานรับนโยบายเฟด คาดระยะสั้นมีแรงเทขายทำกำไร

Investment

Gold

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

ราคาทองคำแนวโน้มยังพุ่งสูงขานรับนโยบายเฟด คาดระยะสั้นมีแรงเทขายทำกำไร

Date Time: 31 ส.ค. 2564 16:47 น.

Video

ล้วงลึกอาณาจักร “PCE” สู่บริษัทมหาชน ปาล์มครบวงจร | On The Rise

Summary

  • ราคาทองคำยังไปต่อ รับถ้อยแถลงของประธานเฟด แนะแบ่งขายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 27,900 บาทต่อบาททองคำ และ 28,050 บาทต่อบาททองคำ

Latest


ราคาทองคำยังไปต่อ รับถ้อยแถลงของประธานเฟด แนะแบ่งขายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 27,900 บาทต่อบาททองคำ และ 28,050 บาทต่อบาททองคำ 

เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 64 นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด หรือ YLG กล่าวว่า หลังจากที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นไปแบบก้าวกระโดด เมื่อท้ายสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากที่ผลการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ได้แถลงว่ามีแนวโน้มที่จะเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ก่อนสิ้นปี 64

อย่างไรก็ตาม การที่เฟดไม่ได้กำหนดเวลาการปรับลด QE ที่แน่นอนเพราะยังต้องจับตาดูทิศทางของการระบาดของโควิด-19 ที่ยังน่าเป็นห่วง รวมการประชุมครั้งนี้ไม่ได้ส่งสัญญาณโดยตรงถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจึงยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ราคาทองปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ดีตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วๆ นี้ โดยคาดว่าจะปรับขึ้นอย่างเร็วในปลายปี 2566

นอกจากนี้เหตุระเบิดที่กรุงคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน ที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายราย กองกำลังสหรัฐฯ จึงเริ่มปฏิบัติการทางอากาศอีกครั้งทำให้เกิดความกังวลและส่งผลให้ราคาทองคำปรับขึ้นเช่นกัน อีกทั้งยังมีปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำจากกรณีที่นายหยิน หยูปิง รองผู้อำนวยการสำนักงานคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคด้านการเงินของธนาคารกลางจีน (PBOC) ระบุว่า บิตคอยน์และสกุลเงินคริปโตอื่นๆ ไม่ใช่สกุลเงินที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย และไม่มีการสนับสนุนด้านมูลค่าที่แท้จริง

สำหรับความเคลื่อนไหวของราคาทองคำนั้นยังมีแรงส่งให้เคลื่อนไหวในทิศทางบวก แต่ก็ต้องอาศัยปัจจัยบวกใหม่เพิ่มเติมโดยในระยะสั้นจะมีแรงขายทำกำไรสลับออกมา ขณะที่การเปิดเผยตัวเลขสำคัญในตลาดแรงงานสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ชี้นำทิศทางราคาทองคำในระยะถัดๆ ไป

ดังนั้นนักลงทุนต้องการเข้าซื้อในช่วงนี้แนะนำให้รอจังหวะการย่อตัว สามารถใช้แนวรับที่ 1,807 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ หรือ 27,600 บาทต่อบาททองคำ และ 1,789 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ หรือ 27,350 บาทต่อบาททองคำ ถ้าราคายืนระดับนี้ได้ก็มีโอกาสรีบาวด์

แนะนำให้แบ่งขายทำกำไรเป็นระยะหากราคาทองคำยังไม่สามารถทะลุแนวต้านระยะสั้นที่ 1,823 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ หรือ 27,900 บาทต่อบาททองคำ โดยจะมีแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,833 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ หรือ 28,050 บาทต่อบาททองคำ


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์