นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า แนวโน้มการลงทุนในครึ่งปีหลัง และตลอดทั้งปีนี้ คาดว่า ยังขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรก ที่มีมูลค่าเงินลงทุน 386,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 158% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการลงทุนจากต่างประเทศ หรือเอฟดีไอเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะจากญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน และสหรัฐฯ เนื่องจากตลาดโลกเริ่มฟื้นตัว การส่งออกเติบโตสูง อีกทั้งมีบริษัทจำนวนมากย้ายฐานการผลิต เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า คาดว่า ในปีนี้จะมีคำขอรับการส่งเสริม 500,000 ล้านบาท สูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ที่มีคำขอรับการส่งเสริม 481,150 ล้านบาท
“ขณะนี้มีกลุ่มที่ตัดสินใจขยายการลงทุนเพราะประเทศไทยมีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ดี และมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการตั้งฐานธุรกิจระยะยาว ขณะนี้ยังมีธุรกิจขนาดใหญ่อีกหลายกลุ่มเตรียมเข้ามาลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง เช่น รถยนต์ไฟฟ้า, สมาร์ท อิเล็กทรอนิกส์, คลาวน์ เซอร์วิส รวมทั้งธุรกิจในกลุ่มบีซีจี”
ขณะเดียวกัน ตัวเลขการขอรับการส่งเสริมการลงทุนในรอบ 6 เดือน (ม.ค.-มิ.ย.) ที่ผ่านมา แม้ว่ามีบางสาขาได้รับผลกระทบรุนแรง แต่ขณะเดียวกันก็มีอุตสาหกรรมอีกหลายสาขาที่ขยายตัวได้ เนื่องจากมีความต้องการในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะใน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมายของรัฐบาล ทำให้ตัวเลขการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายมีมูลค่าสูงถึง 206,860 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 164% สำหรับอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเงินลงทุนสูงและขยายตัวสูง เช่น อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ รองลงมาเป็นอุตสาหกรรมการแพทย์ อุตสาหกรรมปิโตรเคมี อุตสาหกรรมเกษตรและแปรรูปอาหาร อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ อุตสาหกรรมท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน.