ปี 2568 หรือ ค.ศ.2025 เป็นอีกปี ที่คาดกันว่า การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างฉับพลัน พฤติกรรมผู้บริโภค แปรเปลี่ยนไปตาม และปัจจัยท้าทายทางเศรษฐกิจ
จะสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับกลุ่มนักลงทุนและผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ ผู้ที่สามารถปรับตัวและเข้าใจแนวโน้มธุรกิจที่กำลังจะเกิดขึ้น ย่อมได้เปรียบในการแข่งขันและสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้
เจาะข้อมูลรายงาน แนวโน้มการลงทุนและธุรกิจที่น่าจับตามองในปี 2025 จากการวิเคราะห์ของ เจพี มอร์แกน สถาบันการเงินชั้นนำระดับโลก เผยมี 5 เทรนด์สำคัญ คือ
1.กองทุนเอเวอร์กรีน (Evergreen Funds)
หลังจากกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ย้อนไป เมื่อปีที่แล้ว การลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก ผ่านโครงสร้างกองทุนเอเวอร์กรีนเพิ่มขึ้นถึง 50% จุดเด่น กองทุนประเภทนี้ไม่มีวันครบกำหนดแน่นอน ทำให้มีความยืดหยุ่นสูงและเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความคล่องตัวในการบริหารพอร์ตการลงทุน นอกจากนี้ ยังการเข้าถึงกลยุทธ์การลงทุนแบบเอกชนด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำที่น้อยกว่า
2.การลงทุนในธุรกิจกีฬาและสตรีมมิ่ง
เป็นเทรนด์การลงทุน ที่ เจพี มอร์แกน เผยว่า กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มูลค่าการควบรวมกิจการและการลงทุนในภาคกีฬาเพิ่มขึ้นถึง 8 เท่า สาเหตุสำคัญมาจากการที่กีฬายังคงเป็นหนึ่งในคอนเทนต์ที่สามารถดึงดูดผู้ชมได้อย่างมั่นคง อีกทั้งการเข้าสู่ตลาดของผู้เล่นรายใหม่ยังทำได้ยาก ทำให้ธุรกิจนี้มีศักยภาพการเติบโตสูง
3.เศรษฐกิจอวกาศ
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเฉิงตู เผยแพร่บทความดังกล่าวว่า โลกเรา กำลังก้าวเข้าสู่ยุคทองของเศรษฐกิจอวกาศอย่างแท้จริง การพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศได้ช่วยลดต้นทุนการส่งดาวเทียมลงถึง 10 เท่าในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจอวกาศจะเติบโตเร็วกว่า GDP โลกถึง 2 เท่าในทศวรรษหน้า และอาจมีมูลค่าถึง 2 ล้านล้านเหรียญภายในปี 2578 โดยการท่องเที่ยวอวกาศสร้างรายได้ถึง 5 พันล้านเหรียญต่อปีในอีก 10 ปีข้างหน้า
4.การบริหารหนี้สิน
เพราะโลกเรา กำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ เนื่องจากตลาดเริ่มคาดการณ์ถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต ทำให้ผู้กู้มีโอกาสล็อกอัตราดอกเบี้ยในระดับที่ต่ำลง โดยในเดือนกันยายนที่ผ่านมา อัตราดอกเบี้ย SOFR (อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงที่สำคัญในตลาดการเงินของสหรัฐฯ )สามารถล็อกได้ที่ 2.90-3.25% สำหรับระยะเวลา 2-5 ปี สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสในการบริหารต้นทุนทางการเงินที่น่าสนใจ
5.การปฏิรูปเมือง
กำลังเกิดขึ้นทั่วโลกในยุคหลังโควิด-19 โดยเฉพาะการย้ายถิ่นฐานของคนรุ่นมิลเลนเนียลสู่พื้นที่ชานเมืองที่มีค่าครองชีพต่ำกว่า ส่งผลให้การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในหลายเมืองใหญ่เริ่มเน้นการสร้างที่อยู่อาศัยแบบโลว์ไรส์
การพัฒนาอาคารสำนักงานในย่านชานเมืองชั้นดี และการปรับปรุงพื้นที่ค้าปลีกให้เป็นอาคารอเนกประสงค์ ทั้งนี้ อัตราการเติบโตของค่าเช่าในพื้นที่ชานเมืองของหลายเมืองทั่วโลกสูงกว่าย่านธุรกิจกลางเมืองถึง 2.5-9 เท่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
สำหรับ โอกาสของผู้ประกอบการไทยในการลงทุนตามเทรนด์ธุรกิจ ปี 2025 โดยแบ่งตามแนวโน้มหลักได้ ดังนี้
เทรนด์กองทุนเอเวอร์กรีน : แม้ผู้ประกอบการรายย่อยอาจไม่สามารถจัดตั้งกองทุนเองได้ แต่สามารถพัฒนาธุรกิจให้น่าสนใจสำหรับนักลงทุนกลุ่มนี้ได้ โดยเฉพาะธุรกิจที่มีรายได้ประจำ (Recurring Income) เช่น ธุรกิจให้เช่าทรัพย์สิน แฟรนไชส์ หรือธุรกิจบริการแบบสมาชิก ซึ่งตรงกับความต้องการของกองทุนที่มองหาผลตอบแทนสม่ำเสมอในระยะยาว
เทรนด์กีฬาและสตรีมมิ่ง : ผู้ประกอบการไทยมีโอกาสในการพัฒนาคอนเทนต์ท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับกีฬา เช่น การผลิตรายการวิเคราะห์กีฬา พอดแคสต์ หรือการพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับจัดการแข่งขันกีฬาระดับท้องถิ่น นอกจากนี้ ธุรกิจสนับสนุน (Supporting Business) เช่น อุปกรณ์กีฬา อาหารเสริมนักกีฬา หรือบริการฝึกสอนกีฬาออนไลน์ ก็มีแนวโน้มเติบโตตามไปด้วย
เทรนด์เศรษฐกิจอวกาศ : แม้จะดูเป็นเรื่องไกลตัว แต่ผู้ประกอบการไทยสามารถมองหาโอกาสในธุรกิจที่ใช้ประโยชน์จากข้อมูลดาวเทียม เช่น การพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับเกษตรกรที่ใช้ภาพถ่ายดาวเทียมในการวางแผนเพาะปลูก หรือบริการวิเคราะห์ข้อมูลการจราจรและที่จอดรถในเมืองใหญ่
เทรนด์การบริหารหนี้สิน : ผู้ประกอบการควรเร่งปรับโครงสร้างหนี้และพิจารณาการลงทุนขยายกิจการในช่วงที่ดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง โดยอาจพัฒนาโมเดลธุรกิจที่เน้นการใช้สินทรัพย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การแปลงสินทรัพย์ที่มีอยู่ให้เป็นแหล่งรายได้เพิ่มเติม
เทรนด์การปฏิรูปเมือง : เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการพัฒนาธุรกิจที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในย่าน ชานเมือง เช่น ศูนย์การค้าชุมชน บริการส่งอาหารและสินค้า หรือพื้นที่ทำงานร่วม (Co-working Space) ในย่านที่อยู่อาศัย รวมถึงธุรกิจบริการที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ทำงานจากที่บ้าน
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในแต่ละเทรนด์ยังคงต้องพิจารณาปัจจัยเสี่ยงและความเหมาะสมกับเป้าหมายทางการเงินของแต่ละบุคคลอย่างรอบคอบ
ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney