นายธิบดี วัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่า แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แต่การเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนรวมวายุภักดิ์ ประเภท ก. วงเงิน 100,000-150,000 ล้านบาท ให้แก่นักลงทุนทั่วไป ยังคงเป็นไปตามแผนเดิม เนื่องจากได้ผ่านการอนุมัติจาก ครม.เรียบร้อยแล้ว โดยจะเปิดขายหน่วยลงทุนไตรมาส 3 ปีนี้หรือราวเดือน ก.ย.ปีนี้ และวันที่ 16 ส.ค.นี้ กระทรวงการคลังจะประชุมเพื่อกำหนดอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำและขั้นสูงให้แก่ผู้ถือหน่วย เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะส่งรายละเอียดให้สำนักงาน ก.ล.ต.พิจารณา ก่อนประกาศลงในหนังสือชี้ชวน โดยการกำหนดอัตราขั้นต่ำของผลตอบแทน จะการันตีได้ว่า นักลงทุนจะได้ผลตอบแทนเท่าไหร่ ส่วนการกำหนดอัตราผลตอบแทนขั้นสูง จะบอกแก่นักลงทุนว่า หากการบริหารกองทุนได้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราผลตอบแทนขั้นสูงที่กำหนด นักลงทุนก็จะได้ผลตอบแทนเท่ากับอัตราผลตอบแทนขั้นสูงที่กำหนดไว้ ส่วนที่เกินกว่านั้นจะเป็นผลตอบแทนที่ให้กับกระทรวงการคลัง และยังมีเงื่อนไขการันตีเงินต้น กรณีถือครองหน่วยลงทุนเป็นเวลา 10 ปี แต่หากต้องการขายก่อนเวลา 10 ปี ผู้ถือหน่วยจะได้รับเงินต้นตามราคาตลาดในขณะนั้น
สำหรับราคาเสนอขายหน่วยลงทุนจะอยู่ที่ 10 บาท จัดสรรในลักษณะ Small Lot Frist มูลค่าขั้นต่ำ 5,000 บาท เบื้องต้นกำหนดจัดสรรให้นักลงทุนรายย่อย 30% ของวงเงินที่เสนอขาย “การเสนอขายหน่วยลงทุนกองทุนวายุภักษ์ครั้งนี้ เป็นจังหวะดีที่จะมีเม็ดเงินเข้าลงทุนในตลาดหุ้น เพราะราคาหุ้นขณะนี้ ยังไม่สะท้อนความเป็นจริง ซึ่งจะเน้นลงทุนหุ้นพื้นฐานดี ที่ผ่านมาคลังได้รับเงินปันผลจากการบริหารกองทุนวายุภักษ์ราวปีละ 10,000 ล้านบาท โดยมีผู้บริหารกองทุนที่เป็นมืออาชีพ”
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่