กสิกรไทย จับตาวิกฤติเพดานหนี้สหรัฐฯ แก้ได้แต่ตลาดอาจผันผวน แนะถือหุ้น-ตราสารหนี้ต่างประเทศ

Investment

Fund

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

กสิกรไทย จับตาวิกฤติเพดานหนี้สหรัฐฯ แก้ได้แต่ตลาดอาจผันผวน แนะถือหุ้น-ตราสารหนี้ต่างประเทศ

Date Time: 19 พ.ค. 2566 09:01 น.

Video

แก้เกมหุ้นไทยตกต่ำ ประธานตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดแผนฟื้นความเชื่อมั่น | Money Issue

Summary

  • ปัญหาเพดานหนี้สหรัฐฯจะถูกแก้ไขได้ สหรัฐฯ มีปัญหาเพดานหนี้มาแล้ว 70 ครั้ง แต่ก็สามารถแก้ไขได้ตลอด แต่ผลกระทบกับตลาดการเงินหากเข้าใกล้เส้นตามมากเท่าไรอาจส่งผลต่อความผันผวนที่มากขึ้นเท่านั้น

นางสาวศิริพร สุวรรณการ Senior Managing Director - Financial Advisory Head Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า ประเมินการแก้ไขปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐฯ จะถูกแก้ไขได้แม้จะเข้าใกล้เส้นตายวันที่ 1 มิ.ย.นี้ โดยปัญหาเพดานหนี้ที่เกิดขึ้นไม่ใช่ครั้งแรกในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ซึ่งผลกระทบกับตลาดการเงินจะมีมากแค่ไหน จะขึ้นอยู่กับไทม์ไลน์ในการแก้ไขปัญหา

 

“เราเชื่อว่าปัญหาเพดานหนี้สหรัฐฯจะถูกแก้ไขได้ โดยจากการเก็บสถิติในอดีตนั้นตั้งแต่ปี 1960 เป็นต้นมา สหรัฐฯ มีปัญหาเพดานหนี้มาแล้ว 70 ครั้ง แต่ก็สามารถแก้ไขได้ตลอด แต่ผลกระทบกับตลาดการเงินหากเข้าใกล้เส้นตามมากเท่าไรอาจส่งผลต่อความผันผวนที่มากขึ้นเท่านั้น”

 

ทั้งนี้จากสถิติในอดีต เคยมีเหตุการณ์ที่การแก้ไขปัญหาเพดานหนี้ถูกแก้ไขไม่ทันและเกิดภาวการณ์ชัดดาวน์ขึ้น ซึ่งในภาวะดังกล่าวก็เกิดความผันผวนในตลาดเกิดขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับภาวะผันผวนในตลาดการลงทุนบ้าง แต่เมื่อภาวะดังกล่าวคลี่คลายราคาสินทรัพย์จะกลับมาสู่ภาวะปกติ

อย่างไรก็ตามสำหรับทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ นั้น เราคาดว่า การปรับดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ คาดว่าจะมีการปรับเพิ่มขึ้นอีก 1 ครั้งในปีนี้ ส่งผลให้ดอกเบี้ยน่าจะขึ้นไปอยู่ที่ 5 - 5.25% ในปีนี้  โดยดอกเบี้ยระดับสูงจะกดดันกับเศรษฐกิจโลกอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้กสิกรไทย ประเมินว่า ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจของปีนี้จะอยู่ในภาวะถดถอยในระดับกลาง และเชื่อว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะไม่มีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ ปัจจัยที่จะต้องติดตามนั้น คือ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์หลายประเทศ ทั้งระหว่างรัสเซีย กับ ยูเครน หรือ จีนกับสหรัฐฯ ส่วนปัญหาด้านเพดานหนี้ของสหรัฐฯ นั้นมองว่าจะถูกแก้ไขปัญหาได้ โดยจากสถิติ

 

 

              หุ้น - ตราสารหนี้โลก ดีทั้งคู่

 

สำหรับภาพของการลงทุนนั้น มองว่า ในปีนี้เป็นปีทองของการลงทุนทั้งหุ้นและตราสารหนี้ทั่วโลก โดยมองว่า หุ้นนั้นอาจจะมีความผันผวนมากกว่า โดยช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นโลกได้เฉพาะในสหรัฐฯ มีราคาปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้หากเกิดปัจจัยเสี่ยงเข้ามาอาจเกิดแรงเทขายได้ ส่วนตลาดตราสารหนี้นั้นมองว่าเป็นโอกาสที่จะเข้าลงทุนและมีความผันผวนที่น้อยกว่า โดยปัจจุบันมีการจ่ายอัตราดอกเบี้ยในระดับ 4-5% ซึ่งสูงกว่าในอดีต ดังนั้นจึงเป็นโอกาสเข้าลงทุน

 

   อย่างไรก็ตามคำแนะนำนักลงทุนนั้น อยากให้นักลงทุนยังคงถือพอร์ตการลงทุนตลอดเวลา ไม่แนะนำให้ใช้มาร์เก็ตไทม์มิ่ง เพราะอาจจะเสียโอกาสในจังหวะที่หุ้นปรับตัวลดลงมากกว่าปกติ โดยให้ใช้กลยุทธ์การจัดพอร์ตตามความเสี่ยงที่รับได้มากกว่า หากนักลงทุนสามารถรับความเสี่ยงได้มาก ก็สามารถถือครองหุ้นในตลาดโลกที่ระดับ 20-40% ตามระดับความเสี่ยงที่รับได้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์