บลจ.ดาโอ รุกตลาดสกุลเงิน เสนอขาย กองทุน DAOL-FXALPHA-UI ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย สร้างโอกาสรับผลตอบแทนจากค่าเงินหลัก 14 สกุลเงินทั่วโลก ด้วยกลยุทธ์ Long-Short Strategy
เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 65 นางสาวนิสารัตน์ ชมภูพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ดาโอ จำกัด DAOL กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปี 65 ภาพรวมการลงทุนมีความผันผวนสูงจากภาวะเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยสูงกดดันกำไรของบริษัทจดทะเบียนลดลง ส่งผลให้สินทรัพย์ต่างๆ หรือ Asset Class แบบดั้งเดิม ไม่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดี
ดังนั้นการลงทุนที่สามารถเข้าถึงแหล่งผลตอบแทนที่หลากหลายด้วยการกระจายลงทุนในสินทรัพย์ประเภทสกุลเงินถือเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจในสภาพตลาดผันผวน หากพิจารณาสภาวะตลาดของแต่ละประเทศที่แตกต่างทางปัจจัยด้านทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ส่งผลให้สกุลเงินของแต่ละประเทศอ่อนค่าและแข็งค่าต่างกันตามมูลค่าพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ
เช่น นโยบายของธนาคารกลาง, อัตราดอกเบี้ย, การค้า, การเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ, ความต้องการถือครองค่าเงิน, การเติบโตของเศรษฐกิจ รวมถึงสถานการณ์และปัจจัยในประเทศ ล้วนเป็นปัจจัยเฉพาะที่ส่งผลต่อค่าเงินและอัตราแลกเปลี่ยน
ขณะเดียวกันจากข้อมูล (BIS Triennial Central Bank Survey 2019) พบว่า ปริมาณการซื้อขายในตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินทั่วโลกมีมูลค่าถึง 6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวัน สะท้อนสภาพคล่องที่มีสูงกว่าตลาดหุ้นถึง 25 เท่า และเป็นการซื้อขายรูปแบบสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งนักลงทุนสามารถทำกำไรได้ทั้งตลาดขาขึ้นและขาลงตลอด 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้ บลจ.ดาโอ มองเป็นโอกาสลงทุนในสกุลเงินทั่วโลก จึงเปิดเสนอขาย IPO กองทุนเปิด ดาโอ เอฟเอ็กซ์ อัลฟ่า ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (DAOL-FXALPHA-UI) มีความเสี่ยงระดับสูงมากอย่างมีนัยสำคัญ (8+) จะเปิดเสนอขายระหว่างวันที่ 13-20 ธ.ค. 65 มีนโยบายลงทุนในสัญญาฟิวเจอร์สที่มีหลักทรัพย์อ้างอิงในสกุลเงินหลักต่างประเทศ
โดยมีสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) เป็นสกุลเงินอ้างอิงหลัก (Base Currency) เทียบกับอีก 14 สกุลเงินและทองคำ ผ่านกองทุนหลัก P/E FX Strategy FUND บริหารโดย P/E Investments ผู้จัดการกองทุนที่เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการสกุลเงินเพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนและช่วยกระจายความเสี่ยงกับพอร์ตลงทุนในระยะยาว ด้วยกลยุทธ์ Long-Short Strategy
ทั้งนี้ ด้วย 3 ปัจจัยเศรษฐกิจหลัก ได้แก่ ผลตอบแทน (Yield) จากอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นและระยะยาวของแต่ละประเทศ, ความเสี่ยง (Risk) ของอัตราเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการเคลื่อนไหวของเงินทุน (Capital Flow) เข้าออกของแต่ะประเทศ ซึ่งมีผลต่อค่าเงิน จึงเป็นโอกาสให้สามารถบริหารความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทน โดยผู้จัดการกองทุนมีการติดตามผลการดำเนินงานเป็นรายวัน และปรับพอร์ต ตามสภาวะตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลง ทำให้กองทุนสามารถสร้างโอกาสรับผลตอบแทนอย่างโดดเด่น
สำหรับผลกตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีกองทุนให้ตอบแทนอยู่ที่ 38.55% ย้อนหลัง 5 ปีอยู่ที่ 66.77% ย้อนหลัง 10 ปีอยู่ที่ 105.54% และตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 376.71% (ที่มา: Expanded Introduction to the FX Strategy ข้อมูล ณ 31 ต.ค. 2565)
นอกจากนี้ ด้วยสภาพตลาดปัจจุบันกองทุนลงทุนถือสถานะ Long ในสกุลเงินที่มีแนวโน้มแข็งเมื่อเทียบกับ USD 5 อันดับแรก ได้แก่ สกุลเงิน CDA ,GLD, MXN, NZD, ZAR และถือสถานะ Short ในสกุลเงินที่มีแนวโน้มอ่อนค่าเมื่อเทียบกับ USD 5 อันดับแรก ได้แก่ JPY, EUR, AUD, SEK, NOK (ที่มา: P/E FX STRATEGY FUND ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2565)