ธนาคารไทยปรับตัวรับโลกรวนเพียงใด?

Experts pool

Columnist

Tag

ธนาคารไทยปรับตัวรับโลกรวนเพียงใด?

Date Time: 25 ม.ค. 2568 09:00 น.

Video

คุยกับผู้บริหาร Tinder “ไทยต้นแบบความเท่าเทียมทางเพศ”

Summary

  • แนวร่วมการเงินที่เป็นธรรมประเทศไทย (Fair Finance Thailand, “แนวร่วมฯ”) ซึ่งผู้เขียนเป็นหัวหน้าทีมวิจัย กำลังเตรียมเผยแพร่เอกสารกรณีศึกษา เปรียบเทียบการเปิดเผยข้อมูลการรับมือกับภาวะโลกรวนของธนาคารไทย 6 แห่ง ตามข้อเสนอแนะ TCFD ช่วงเช้าวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 ศกนี้ ณ ศูนย์การเรียนรู้ ธนาคารแห่งประเทศไทย

Latest


เมื่อสองปีที่แล้ว ผู้เขียนเคยตั้งข้อสังเกตในบทความ “สามประเด็นร้อน ESG ปี 2566” ว่า ประเด็นเสี่ยงด้านสังคม สิ่งแวดล้อม และบรรษัทภิบาล (เรียกรวมๆ ว่า ESG) ของภาคธุรกิจไทยที่น่าจะเป็น “ประเด็นร้อน” สูงสุด 3 ประเด็น ถ้าให้เลือกด้านละประเด็น น่าจะได้แก่ ประเด็นการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและปัญหามลพิษสำหรับด้านสิ่งแวดล้อม ประเด็นธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนสำหรับด้านสังคม และประเด็นการแทรกแซงรัฐและกีดกันการแข่งขันของผู้เถลิงอำนาจตลาดรายใหญ่ สำหรับด้านบรรษัทภิบาล

ย้อนเวลากลับมาสองปี ผู้เขียนเห็นว่าประเด็นเหล่านี้ก็ยังคงเป็น “ประเด็นร้อน” ที่ธุรกิจไทยควรให้ความสำคัญมากขึ้นอยู่นั่นเอง เนื่องจากสร้างผลกระทบด้านสังคมหรือสิ่งแวดล้อม รวมถึงผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะประเด็นผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเลขาธิการสหประชาชาติเสนอให้เรียกว่า “ภาวะโลกเดือด” (global boiling) แทน “ภาวะโลกรวน” เพื่อสะท้อนความรุนแรงเร่งด่วนของปัญหา

ในยุคโลกเดือดที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกจำเป็นต้องเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำอย่างเร่งด่วน สถาบันการเงินในฐานะผู้จัดสรรเงินทุนหลักให้กับภาคธุรกิจมีบทบาทที่ขาดไม่ได้ ผ่านการเน้นการสนับสนุนทางการเงินแก่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ ลดการสนับสนุนทางการเงินแก่ธุรกิจคาร์บอนสูง และสนับสนุนให้ลูกค้าธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตแบบคาร์บอนต่ำ ยังไม่นับว่าตัวสถาบันการเงินเองก็เผชิญความเสี่ยงจากภาวะโลกเดือดไม่ต่างจากธุรกิจอื่น

ในโอกาสนี้ แนวร่วมการเงินที่เป็นธรรมประเทศไทย (Fair Finance Thailand, “แนวร่วมฯ”) ซึ่งผู้เขียนเป็นหัวหน้าทีมวิจัย กำลังเตรียมเผยแพร่เอกสารกรณีศึกษา เปรียบเทียบการเปิดเผยข้อมูลการรับมือกับภาวะโลกรวนของธนาคารไทย 6 แห่ง ตามข้อเสนอแนะ TCFD ช่วงเช้าวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 ศกนี้ ณ ศูนย์การเรียนรู้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ท่านใดสนใจ ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่นี่)

แนวร่วมฯ จะเผยแพร่กรณีศึกษาฉบับสมบูรณ์บนเว็บไซต์ Fair Finance Thailand หลังจบงาน ในคอลัมน์ตอนนี้ผู้เขียนนำผลการศึกษาโดยสังเขปมาเล่าสู่กันฟัง เริ่มจากคำถามที่ว่า TCFD คืออะไร เกี่ยวอะไรกับภาวะโลกรวนโลกเดือด ทำไมธนาคารหลายแห่งจึงผลิตรายงานตามข้อเสนอแนะของ TCFD

คณะทำงานมาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ (Task Force on Climate-related Financial Disclosures: TCFD) เป็นมาตรฐานการจัดทำและเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยงและโอกาสจากภาวะโลกรวนที่ได้รับความนิยมจากภาคธุรกิจมากที่สุดในโลก ซึ่งปีที่แล้ว (2567) มาตรฐานและสำนักงาน TCFD ก็ถูกยุบรวมเข้าไปอยู่ภายใต้การดูแลของคณะกรรมการ International Sustainability Standards Board ภายใต้มูลนิธิมาตรฐานการรายงานทางการเงินนานาชาติ หรือ International Financial Reporting Standards (IFRS) Foundation เนื่องจากเล็งเห็นว่า มาตรฐาน IFRS S2 สอดคล้องกับ 4 องค์ประกอบหลักของข้อเสนอแนะของ TCFD

ในเมื่อมาตรฐาน IFRS S1 และ IFRS S2 กำลังถูกนำไปบัญญัติเป็นเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูลภาคบังคับสำหรับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งผู้เขียนมองว่าไม่ช้าก็เร็ว หน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุนไทยก็จะทำตามกระแสนี้เช่นกัน เพื่อให้การเปิดเผยข้อมูลด้าน ESG ของบริษัทจดทะเบียนไทยได้มาตรฐานสากล นักลงทุนนำไปเปรียบเทียบกับประเทศอื่นได้

แนวร่วมฯ พบว่า ธนาคารไทยโดยรวมมีความตื่นตัวต่อการประเมินความเสี่ยงและโอกาสทางการเงินจากภาวะโลกรวน ตามข้อเสนอแนะของ TCFD มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แนะนำให้ธนาคารต่างๆ เปิดเผยข้อมูลที่อ้างอิงตามหลักเกณฑ์หรือมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยหยิบยก TCFD และ ISSB เป็นตัวอย่าง ซึ่ง TCFD ได้หลอมรวมอยู่ใน IFRS S2 ดังกล่าวข้างต้นแล้ว

สำหรับกรณีศึกษาครั้งนี้ แนวร่วมฯ ประเมินการเปิดเผยข้อมูลของธนาคารไทย 6 แห่ง ตามข้อเสนอแนะ TCFD ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2567 ใน 4 หมวดตามข้อเสนอแนะของ TCFD ได้แก่ การกำกับดูแล กลยุทธ์ การบริหารจัดการความเสี่ยง และตัวชี้วัดและเป้าหมาย นอกจากนี้ คณะวิจัยได้สัมภาษณ์ธนาคาร 5 แห่ง รวมถึงคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อรวบรวมข้อคิดเห็นและความท้าทายต่อการทำตามข้อเสนอแนะของ TCFD

ในภาพรวม คณะวิจัยพบว่ามีธนาคารพาณิชย์ไทย 6 แห่ง ที่จัดทำและเผยแพร่รายงานเกี่ยวกับภาวะโลกรวนตามข้อเสนอแนะของ TCFD โดยธนาคารที่เปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะตามข้อเสนอแนะของ TCFD เรียงตามลำดับสัดส่วนการเปิดเผยจากมากสุดไปหาน้อยสุด ได้แก่ธนาคารต่อไปนี้

ธนาคารไทยพาณิชย์ และ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผย 39 ข้อ จากข้อเสนอแนะ TCFD ทั้งหมด 60 ข้อ (ร้อยละ 65.0) ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผย 32 ข้อ (ร้อยละ 53.3) ธนาคารทิสโก้ เปิดเผย 31 ข้อ (ร้อยละ 51.7) ธนาคารทหารไทยธนชาต เปิดเผย 20 ข้อ (ร้อยละ 33.3) ธนาคารออมสิน เปิดเผย 14 ข้อ (ร้อยละ 23.3)

ประเด็นการเปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจ สามารถสรุปตามหมวดหมู่ตามข้อเสนอแนะ TCFD ได้ดังนี้

1. หมวดการกำกับดูแล (governance)

TCFD แนะนำให้องค์กรเปิดเผยกลไกการกำกับดูแลขององค์กรที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและโอกาสด้านสภาพภูมิอากาศ โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเด็น คือ a) การกำกับดูแลของคณะกรรมการธนาคารเกี่ยวกับความเสี่ยงและโอกาสด้านสภาพภูมิอากาศ และ b) การกำหนดบทบาทของผู้บริหารในการประเมินและบริหารจัดการประเด็นความเสี่ยงและโอกาสด้านสภาพภูมิอากาศ

ผลจากการทบทวนข้อมูลที่ธนาคารไทยทั้ง 6 แห่ง เปิดเผยตามข้อเสนอแนะของ TCFD พบว่า ธนาคารส่วนใหญ่เปิดเผยกระบวนการและความถี่ของการประชุมเกี่ยวกับประเด็นด้านสภาพภูมิอากาศในระดับคณะกรรมการธนาคารหรือคณะกรรมการชุดย่อยของธนาคาร โดยระบุเป็นแผนงานให้คณะกรรมการย่อยประชุมติดตามความเสี่ยงด้าน ESG รวมถึงความเสี่ยงจากภาวะโลกรวน เป็นประจำเดือนละ 1 ครั้ง ไตรมาสละ 1 ครั้ง และปีละ 2 ครั้ง แตกต่างไปในแต่ละธนาคาร

ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารออมสิน ระบุว่าธนาคารนำประเด็นด้านสภาพภูมิอากาศมาใช้ในการจัดสรรงบประมาณประจำปี และการจัดทำแผนธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีธนาคารใดที่เปิดเผยว่า คณะกรรมการธนาคารหรือคณะกรรมการชุดย่อยของธนาคารได้นำประเด็นด้านสภาพภูมิอากาศมาใช้ในการติดตามการดำเนินงานและผลลัพธ์การดำเนินงาน

2. หมวดกลยุทธ์ (strategy)

TCFD คาดหวังให้องค์กรเปิดเผยผลกระทบจากภาวะโลกรวนที่เกิดขึ้นจริงและอาจเกิดขึ้นในอนาคตต่อการดำเนินธุรกิจ กลยุทธ์ และการวางแผนทางการเงินขององค์กร โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเด็น ได้แก่

a) การระบุประเด็นความเสี่ยงและโอกาสด้านสภาพภูมิอากาศ โดยจำแนกเป็นระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว

b) การระบุผลกระทบของความเสี่ยงและโอกาสด้านสภาพภูมิอากาศต่อการดำเนินธุรกิจ กลยุทธ์ และการวางแผนทางการเงินขององค์กร และ

c) การระบุความยืดหยุ่นของกลยุทธ์ขององค์กร ที่คำนึงถึงสถานการณ์ภาวะโลกรวนในอนาคต และฉากทัศน์ที่อุณหภูมิเพิ่มขึ้น 2 องศาเซลเซียส

ผลจากการทบทวนข้อมูลที่ธนาคารทั้ง 6 แห่ง พบว่า ธนาคารส่วนใหญ่มีการวิเคราะห์ความเสี่ยงจากภาวะโลกรวน โดยธนาคารส่วนใหญ่ระบุว่า รับมือกับความเสี่ยงดังกล่าวด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในอีกทางหนึ่งได้กำหนดนโยบายสินเชื่อต้องห้าม และกำหนดกลยุทธ์รายอุตสาหกรรมเพื่อควบคุมปริมาณก๊าซเรือนกระจกในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก

อย่างไรก็ดี คณะวิจัยพบว่ายังไม่มีธนาคารใดที่เปิดเผยข้อมูลการกระจุกตัว (concentration) ของยอดสินเชื่อที่ธนาคารปล่อยให้กับลูกค้าที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก

สำหรับการเปิดเผยผลการวิเคราะห์ฉากทัศน์ด้านสภาพภูมิอากาศ (climate-related scenarios) พบว่า ธนาคารส่วนใหญ่มีการวิเคราะห์และเปิดเผยผลการวิเคราะห์ฉากทัศน์ด้านสภาพภูมิอากาศ รวมถึงอธิบายการกำหนดฉากทัศน์ด้านสภาพภูมิอากาศ และกรอบระยะเวลาที่ใช้ฉากทัศน์เหล่านั้นเพื่อวางแผนกลยุทธ์ทางการเงินของธนาคาร โดยธนาคารกสิกรไทยเป็นธนาคารเพียงแห่งเดียวที่มีการเปิดเผยผลการวิเคราะห์มากกว่า 1 ฉากทัศน์ ได้แก่ Well-below 2 Degrees Celsius Scenario (WB2C) และ Net Zero Scenario (NZE) ส่วนการวิเคราะห์ความเสี่ยงจากผลกระทบทางกายภาพ ธนาคารใช้ฉากทัศน์จำลอง Representative Concentration Pathway (RCP) 2.6 และ RCP 8.5 ของ IPCC ประกอบกับสถิติอุทกภัย 10 ปีย้อนหลัง โดยผลการวิเคราะห์พบว่า ระดับน้ำท่วมไม่ได้ส่งผลอย่างมีสาระสำคัญต่อมูลค่าสินทรัพย์ของธนาคารและลูกค้าของธนาคาร เป็นต้น

3. หมวดการบริหารความเสี่ยง (risk management)

TCFD คาดหวังให้องค์กรมีการบริหารจัดการความเสี่ยงเพื่อช่วยให้องค์กรสามารถรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากภาวะโลกรวนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยในหมวดการบริหารจัดการความเสี่ยงตามข้อเสนอแนะของ TCFD แบ่งเป็น 3 ประเด็น คือ

a) การอธิบายขั้นตอนการระบุและประเมินประเด็นความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ

b) การอธิบายขั้นตอนการจัดการความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ และ

c) การอธิบายแนวทางในการนำขั้นตอนการระบุและประเมินประเด็นความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ มาใช้ในการบริหารความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจขององค์กร

จากการทบทวนการข้อมูลของธนาคารทั้ง 6 แห่ง ที่เปิดเผยตามข้อเสนอแนะของ TCFD พบว่าในประเด็น a) การอธิบายขั้นตอนการระบุและประเมินประเด็นความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ มีธนาคาร 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารทิสโก้ ที่เปิดเผยแนวทางในการระบุและประเมินประเด็นความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ โดยจำแนกความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศตามแนวทางดั้งเดิมที่ธนาคารใช้ อาทิ ความเสี่ยงด้านสินเชื่อ (credit risk) ความเสี่ยงด้านตลาด (market risk) ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง (liquidity risk) และความเสี่ยงเชิงปฏิบัติการ (operational risk) โดยธนาคารแต่ละแห่งมีการอธิบายถึงผลกระทบของความเสี่ยงที่ธนาคารคาดว่าจะได้รับ รวมถึงเปิดเผยแนวทางในการรับมือความเสี่ยงแต่ละประเภทตามกรอบเวลาที่ธนาคารกำหนด ตั้งแต่ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว

4. หมวดตัวชี้วัดและเป้าหมาย (metrics and targets)

เพื่อให้การเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงและโอกาสด้านสภาพภูมิอากาศมีความโปร่งใส และติดตามได้ TCFD แนะนำให้องค์กรเปิดเผยตัวชี้วัดและเป้าหมาย (metrics and targets) ที่เกี่ยวข้องกับภาวะโลกรวน โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเด็น คือ

a) การเปิดเผยตัวชี้วัดที่ใช้ในการประเมินประเด็นความเสี่ยงและโอกาสด้านสภาพภูมิอากาศ ที่สอดคล้องกับกลยุทธ์และขั้นตอนการบริหารความเสี่ยง

b) การเปิดเผยปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตที่ 1 2 และ 3 และความเสี่ยงจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร และ

c) อธิบายเป้าหมายการจัดการความเสี่ยงและโอกาสด้านสภาพภูมิอากาศ และผลการดำเนินงานเมื่อเปรียบเทียบกับเป้าหมาย

ในหมวดนี้ แนวร่วมฯ พบว่า ธนาคารทั้ง 6 แห่ง ประกาศเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตที่ 1 และ 2 (การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของธุรกิจธนาคารโดยตรง เช่น อาคารสำนักงาน และของพลังงานที่ใช้) โดยธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ ประกาศเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิสองขอบเขตดังกล่าวเป็นศูนย์ (scope 1 & 2 net zero) ภายในปี พ.ศ. 2573 (ค.ศ. 2030) ขณะที่ธนาคารทิสโก้ และธนาคารออมสิน ตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี พ.ศ. 2593 (ค.ศ. 2050) ส่วนธนาคารกรุงเทพ และธนาคารทหารไทยธนชาต ยังไม่มีการประกาศเป้าหมาย net zero แต่อย่างใด

อย่างไรก็ดี สำหรับการตั้งเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตที่ 3 (ซึ่งรวมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของลูกค้าที่ธนาคารให้การสนับสนุนทางการเงิน หรือที่เรียกว่า financed emissions) มีเพียงธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารทิสโก้ ที่ระบุว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตที่ 3 โดยมีรายละเอียดแตกต่างกันในแง่ของปีเป้าหมาย


Author

สฤณี อาชวานันทกุล

สฤณี อาชวานันทกุล
นักเขียน นักแปล และนักวิชาการอิสระด้านการเงิน มีความสุขกับการทำงานในประเด็น ธุรกิจที่ยั่งยืน พลังพลเมือง และเกม