ทำเงินจาก AI และโซเชียลมีเดีย

เมื่อโลกเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว วิธีการทำงาน หรือสร้างเงินก็ต้องเปลี่ยนให้ทันเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมทั้งยังต้องเรียนรู้พฤติกรรมของ “คนรุ่นใหม่” และจับทิศทางพฤติกรรมของผู้บริโภคโดยรวมที่เปลี่ยนไปให้ได้ด้วย 

ขณะที่คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า หลังจากยุคโควิด-19 ในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา โลกออนไลน์ และโซเชียล มีเดีย กลายเป็น “ตลาดใหญ่ที่สุดในโลก” และเริ่มมีผลกระทบต่อการทำงาน และอาชีพในโลกความจริงอย่างจริงจังมากขึ้น

เช่นเดียวกันกับการพัฒนาอย่างรวดเร็วของ เทคโนโลยี AI ที่ภาษาไทยใช้คำว่า “ปัญญาประดิษฐ์” โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีความเฉลียวฉลาด สามารถประมวลผล วิเคราะห์แยกแยะข้อมูลจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว 

นอกจากนั้นยังรู้จักเรียนรู้ รู้จักวางแผน หาเหตุผล และสื่อสารได้คล้ายคนจริง และที่สำคัญถึกทน ไม่ต้องหลับไม่นอน ไม่มีพักร้อน ไม่บ่น ไม่นินทา 

เรื่องเหล่านี้กำลังทำให้ “คนเป็นๆ” ในโลกความจริงหนาวๆ ร้อนๆ เพราะมีคู่แข่งที่แข็งแกร่งมาแย่งงานทำ!

แต่ในทางตรงกันข้าม ก็มี “คนอีกจำนวนหนึ่งทั่วโลก” ที่กำลังทำงาน และทำเงินได้จาก AI และโซเชียลมีเดีย จนหลายคนกลายเป็นเศรษฐีตั้งแต่อายุน้อยๆ 

และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา “สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ” ร่วมกับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และองค์กรพันธมิตร ได้ร่วมกันจัดโครงการอบรม “สุดยอดนักข่าวสายพันธุ์ดิจิทัล” ตอบโจทย์ในการเรียนรู้ในเรื่องการใช้ AI เพื่อเพิ่มทักษะและความสะดวกในการทำงาน รวมทั้งโอกาสในการสร้างเงินจากโลกโซเชียล มีเดีย

โดยมีวิทยากรซึ่งจัดได้ว่า “ดีงาม” เพราะมีทั้งความรู้และความเชี่ยวชาญที่สำคัญมีประสบการณ์จริงในการทำเงินจากโลกโซเชียล มีเดียและ AI  ประกอบด้วย คุณมิ้น  “อุกฤษฎ์ ตั้งสืบกุล” Co-Founder & Co-CEO บริษัท เรียล สมาร์ท จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการคิดกลยุทธ์ด้าน Online แบบครบวงจร และคุณมด “ศิลา พีรวัฑฒึก” หรือ พ่อมดติ๊กต่อก อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก

โดยส่วนของ “คุณมิ้น” นั้นเป็นการเรียนรู้โลกของ AI เพื่อปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์ปัจจุบัน สอนใช้ AI เป็นตัวช่วยทำงานแทนเรา โดยเฉพาะการหาและวิเคราะห์ข้อมูลที่ต้องใช้เวลานาน และมีจำนวนมาก วิธีการคุยกับ ChatGPT การใช้  ChatGPT มาช่วยเขียนบทความ สร้าง Content สำหรับ Website, Facebook, TikTok, YouTube และอื่นๆ

ขณะที่ “พ่อมดติ๊กต่อก” สอนแนวคิดการสร้าง Content ที่โดนใจเทคนิคการปั้นยอดวิว สร้างเงินจาก Content บนแพลตฟอร์ม TikTok และแพลตฟอร์มอื่น ซึ่งทั้งสองส่วนมีความน่าสนใจมาก แต่จะเอาของเขามา “ขาย”ทั้งหมดก็คงไม่ได้ 

ขอสรุปเป็นคำถามคำตอบง่ายๆ สั้นๆ ที่น่าสนใจฉบับคนเริ่มต้นไว้ประมาณ 7 ข้อ ตามสไตล์ AI ตอบให้แล้วกัน 

ข้อที่ 1 เราจะถูก AI แย่งงานหรือไม่ 

คำถามนี้น่าจะโดนใจหลายๆ คน เมื่อ AI สามารถเขียนบทความ รายงาน วิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ทำบัญชี  ออกแบบบ้าน ตกแต่งภายใน สำรวจติดตามข้อมูลต่างๆ และสร้างแผนการทำงาน ได้เร็วกว่าคนทำหลายเท่าตัว จุดนี้ “คุณมิ้น” ให้ความเห็นว่า AI มีโอกาสแทนคนได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะถูกแย่งงาน ดังนั้น หากเราต้องการจะอยู่รอดในโลกใหม่นี้ เราต้องเรียนรู้ที่จะใช้ AI ซึ่งเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เช่น  ChatGPT หรือ AI ค่ายไทยที่เพิ่งเปิดตัว ฯลฯ มาช่วยเราทำงาน มาเป็น “ลูกน้อง” เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้เรา ซึ่งคุณมิ้นใช้คำว่า “ให้มาเป็นทาสเรา แต่ไม่ใช่มาแทนที่เรา”

ข้อที่ 2 AI ช่วยเราทำงานได้มากแค่ไหน และช่วยได้อย่างไร

จากการทดลองใช้ ChatGPT พบว่า หากเราสามารถใช้ “ชุดคำสั่ง” หรือ Prompt ให้การสั่งงานและให้ข้อมูลเพื่อให้ AI เรียนรู้งานที่เราต้องการให้ทำได้อย่างเหมาะสม (ซึ่งในส่วนตัวมองว่าการสร้างชุดคำสั่งไม่ง่ายอย่างที่คิด) เราสามารถสั่งให้ AI อ่านข้อมูลเป็นเล่มๆ หรือหลายเล่ม นั่งฟังสัมมนา หรือ ฟังสัมภาษณ์ยาวๆ เป็นชั่วโมงหรือหลายชั่วโมงแทนเรา แล้วจะให้พิมพ์แบบแกะทุกคำ หรือสรุปใจความสำคัญก็ได้ หรือจะให้คิดไอเดียในการเขียนงาน จากคำหรือคำสั่งที่เราให้ก็ทำได้ หรือสร้าง Content ได้ทั้งแบบเป็นคลิปวิดีโอ หรือเป็นบทความ หรือสร้างภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว  โปสเตอร์ตัดต่อภาพต่างๆ ได้หมด ทำให้ประหยัดเวลาไปได้มาก นำไปต่อยอดสร้างงานสร้างเงินได้ง่ายขึ้น

ข้อที่ 3 ข้อที่ต้องระวังในการใช้ AI มีอะไร และมีค่าใช้จ่ายไหม

การใช้งานแอปพลิเคชัน AI นั้น ChatGPT มีการปล่อยเวอร์ชันที่ไม่เสียสตางค์มาให้ใช้ ซึ่งก็ถือว่าดีใช้งานได้ในระดับหนึ่ง แต่ข้อเสียคือ ข้อมูลไม่อัปเดต หรือไม่เป็นปัจจุบัน ดังนั้น ในโลกของพวกเราที่ของฟรีไม่มีจริง ก็คงต้องจ่ายเงินเพื่อใช้เวอร์ชันสุด ChatGPT รุ่นที่ 4 ซึ่งนอกเหนือจากการทำงานภายใต้ข้อมูลที่มีแล้ว ยังสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อหาข้อมูลล่าสุดมาใช้งานได้อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเป็นเวอร์ชันล่าสุด แต่ก่อนที่จะนำใช้งานต่อ หรือนำไปส่งเจ้านาย ขอให้เช็กข้อมูลอีกรอบ โดยเฉพาะข้อมูลที่ไม่มีที่มาที่ไปชัดเจน เพราะในบางครั้ง AI ก็สามารถ “มโน”ข้อมูลขึ้นมาเองได้ และเคยมีคนนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ และถูกปรับเงินหรือได้รับความเสียหายมาแล้ว

นอกจากนั้น สำหรับใครที่จะลักไก่ให้ AI พิมพ์รายงานส่งให้ ขอให้รู้ว่า AI ของต่างประเทศ เป็นคนต่างชาติ เขียนภาษาไทยแบบคนฝรั่งพูดไทย ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ไม่ได้ในภาษาพิมพ์

ข้อที่ 4 เราทำเงินจากโลกโซเชียล มีเดีย ได้อย่างไร

“จากเงินที่เคยรับหลักหมื่นต่อเดือน กลายเป็นหลักล้าน หลายล้าน ไปจนถึงหลายสิบล้าน” นั่นเป็นรายได้ของ “อินฟลูเอนเซอร์” ในปัจจุบัน แล้วได้เงินมาจากไหน ก็มาจากจำนวนยอดวิว ยอด subscribe ยอดติดตาม หรือความดังของเราในโลกโซเชียลนั่นเอง เงินที่ได้ส่วนหนึ่งจึงมาจากการคำนวณยอดวิว ยอดไลค์ ยอดแชร์ ยอด Save ซึ่งเมื่อเราลงคลิป แล้วจะต้องไปเปิดช่องทางในการรับเงินในแอปพลิเคชันนั้นๆ ด้วย ไม่เช่นนั้นเราก็ไม่ได้เงิน

ขณะที่อีกส่วนเป็นเงินที่ได้จากโฆษณาที่เลือกมาติดกับคลิปของเรา นอกจากนั้น จะเป็นเงินได้จากการรับรีวิวสินค้า และการขายของออนไลน์ ซึ่งส่วนใหญ่ “อินฟลูเอนเซอร์” จะทำ 2 ช่องควบคู่กันไป คือ ช่องมหาชน  สร้างเนื้อหาดีๆ สนุกๆ ให้คนรู้จัก และจากนั้นจะมีช่องขายสินค้าควบคู่กันไปด้วย

ข้อที่ 5 การสร้าง Content ที่น่าสนใจทำอย่างไร

“เปิดให้เฉียบ เล่าเรื่องให้กระชับ ปิดให้พีก” เป็นนิยามของพ่อมดติ๊กต่อก ในช่วงต้นไม่กี่วินาทีแรกของ Content เราจะต้องเปิดให้คนสนใจ เพื่อให้คนไม่เลื่อนผ่าน เช่น เป็นสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่เคยรู้มาก่อน หรือผลลัพธ์ที่โดนใจผู้คน เทคนิคที่คนนำไปใช้แล้วปัง กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็น 5 วินาทีแรก คนดูต้องรู้ว่า ที่เหลือของคลิปคุณจะรู้อะไร

เล่าเรื่องให้กระชับ ต้องตรงประเด็นไม่เยิ่นเย้อ อธิบายเป็นขั้นเป็นตอน ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัด เล่าเป็นเรื่องทำให้ดูให้คนเข้าใจ เน้นความเร็วของทุกขั้นตอน และคิดตอนจบไว้ด้วยว่า เราจะจบแบบไหนจะตบมุกอย่างไรให้คนจดจำได้ และควรทิ้งท้ายด้วยคำสั่ง เช่น ให้ติดตาม กดกระดิ่ง แชร์ ไลค์  Save เป็นต้น

ส่วนคำถามที่คนถามตลอดว่า “ติ๊กต่อก” ต้องเต้นไหม หรือทำคลิปต้องตลกไหม คนไทยส่วนใหญ่เป็นคนชอบความสนุกสนาน ความบันเทิง การร้องเพลง เต้น การยิ้ม หัวเราะหรือ มีสาระผสมความบันเทิงอยู่แล้ว

ข้อที่ 6 แล้วทำอย่างไร Content จะถูกใจโลกโซเชียล ได้ยอดวิว ยอดแชร์ ยอด Save สูงๆ 

พ่อมดติ๊กต่อก ให้มุมมองที่น่าสนใจว่า การสร้าง Content จะต้องจับกระแสในช่วงนั้นและทำให้เร็วที่สุด เพราะ Content ที่ไม่เคยมีใครทำจะได้รับให้แสดงให้อันดับต้นๆ และตามปกติ Content ที่คนจะคลิกดูนั้น จะต้องไม่ยืดยาวเยิ่นเย้อ โดยเฉพาะในแอปพลิเคชัน ติ๊กต่อก  

ทำคลิปวิดีโอสั้น 40-70 วินาที เพราะยาวกว่านี้คนดูไม่จบ ลองทำคลิปสั้นครั้งเดียวลงทุกแพลตฟอร์ม เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าช่องทางไหนเหมาะกับเรา และไม่ควรทำคลิปสะเปะสะปะ เพราะหากจัดหมวดหมู่ช่องเราไม่ได้ โอกาสของโฆษณาจะเข้ามาติดคลิปเราก็ยากมากขึ้น 

สำหรับวิธีเรียกร้องความสนใจทำได้ 2 แบบ คือ การแสดงว่า เป็นพวกเดียวกันกับคนดู เช่น ได้รับผลกระทบเหมือนกัน หรืออีกอย่างหนึ่งคือ แสดงว่าเป็นคนละพวกกัน ซึ่งทั้งสองแบบได้รับความสนใจทั้งคู่ขึ้นกับคำและข้อความที่เลือกมาใช้ เช่น ใครมีสิทธิได้เงินดิจิทัล 10,000 บาท หรือ ใครชวด หมดสิทธิรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท เป็นต้น

และที่สำคัญที่สุด เราต้องรู้ให้ชัดว่า เราต้องการสื่อสารกับใคร ต้องใช้ภาษา และรูปแบบการนำเสนอแบบไหน คิดแบบเขา ฟังเพลงแบบเขาเพื่อให้โดนใจผู้ชมของเรา และหากคุณคิดว่า คนที่ใช้ติ๊กต่อกมากที่สุดตอนนี้เป็น คน Gen Z ลงไป คุณคิดผิดเพราะกลุ่ม Baby Boomer มาแรงมากในช่วงเวลานี้

ข้อที่ 7 ใครบ้างที่เป็น “อินฟลูเอนเซอร์” ทำเงินจากโลกโซเชียลได้

กะจะให้ตอบว่า “ทุกคน” ใช่หรือไม่ แต่ในโลกความจริง คนที่ลงมือทำเท่านั้นที่มีโอกาสได้เป็น และไม่จำเป็นต้องประดิษฐ์ หรือเสแสร้งเป็นใครที่ไม่ใช่เรา คนบ้านๆ แบบเราๆ นี่แหละโลกโซเชียลชอบ แต่คนที่จะทำให้สำเร็จได้ จะต้องคิดให้แตกต่าง ศึกษาหาความรู้ จับกระแสและเรียนรู้ที่จะไม่หยุดนิ่ง ตามกระแสให้ทัน เพราะกระแสมาเร็วและไปเร็ว 

“เหมือนตอนนี้ลมแรงมากที่ติ๊กต่อก คุณจะใช้ประโยชน์จากลมนี้ได้ไหม และทันไหม เพราะแม้แต่ผมเองก็ไม่รู้ว่า ลมแรงนี้จะอยู่นานแค่ไหน และจะพัดไปที่ไหนต่อจากนี้” พ่อมดติ๊กต่อกกล่าว

ทั้งหมดนี้ เป็นเนื้อหาแบบคร่าวๆ เบื้องต้นๆ ที่นำมาฝากกันเพื่อสร้างแรงบันดาลใจสำหรับคนที่คิดอยากที่หาทางทำเงินเพิ่มขึ้น และโลกโซเชียลเป็นโลกที่คุณสนใจ

ติดตามข่าวสารอัปเดต เศรษฐกิจ เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจในประเทศ บทวิเคราะห์เศรษฐกิจ ล่าสุด ได้ที่นี่

ข่าวเศรษฐกิจ : https://www.thairath.co.th/money/economics 

เศรษฐกิจในประเทศ : https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ

เศรษฐกิจโลก : https://www.thairath.co.th/money/economics/world_econ