ผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัวในประเทศจีน ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของการเป็นตลาดแบรนด์หรู เมื่อเจ้าของแบรนด์ดังอย่าง LVMH, Burberry, Swatch Group, Richemont และ Hugo Boss เผยว่า ยอดขายลดลงในจีน เนื่องจากนักช็อปชาวจีนพฤติกรรมเปลี่ยน ลดค่าใช้จ่าย ซื้อสินค้าหรูน้อยลง อีกทั้งรัฐบาลจีนยังมีการปิดกั้นโซเชียลมีเดียของอินฟลูเอนเซอร์ที่ออกมาโชว์สินค้าแบรนด์หรูบนโลกออนไลน์
LVMH เจ้าของแบรนด์หรูกว่า 75 แบรนด์ อย่างเช่น Louis Vuitton, Dior และ Tiffany & Co เผย ยอดขายในเอเชีย ซึ่งรวมไปถึงในจีน ลดลงมา 14% ในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2024 ซึ่งแย่ลงจากช่วงไตรมาสแรกที่ร่วงลงมา 6% อีกทั้งหุ้นของบริษัทฯ ยังตกลงมาอีกเกือบ 20% ในช่วงปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีแค่ LVMH ที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์นี้ แต่ยังมีแบรนด์หรูอีกหลายเจ้าที่พบว่ายอดขายตกต่อเนื่องในประเทศจีน
ด้าน Burberry แบรนด์แฟชั่นจากอังกฤษ ก็เผยว่า ยอดขายในจีนลดลงกว่า 20% เมื่อเทียบกับยอดขายปีก่อนหน้า
Swatch Group กลุ่มธุรกิจผู้ผลิตนาฬิกาจากสวิส มีแบรนด์ในเครือได้แก่ Blancpain, Longines และ Omega ก็ออกมาประกาศเรื่องยอดขายว่า ด้วยความต้องการในสินค้าที่ลดลงในประเทศจีน ส่งผลให้ยอดขายครึ่งปีแรกลดลง 14.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ขณะเดียวกัน Richemont เจ้าของ Cartier ก็มียอดขายครึ่งปีในจีน ฮ่องกง และมาเก๊า ก็ลดลง 27% เมื่อเทียบกับปีก่อน และในฟากของ Hugo Boss แบรนด์สินค้าแฟชั่นจากเยอรมนี และ Kering เจ้าของแบรนด์ Gucci, Yves Saint Laurent และ Bottega Veneta ในจีน ก็คาดการณ์ว่ายอดขายจะตกเช่นกัน เนื่องจากลูกค้าเปลี่ยนพฤติกรรมซื้อสินค้าราคาแพงลดลง
แต่ยังมีอีกแบรนด์ที่สวนกระแสขึ้นมาอย่าง Hermès ที่ยังสามารถทำยอดขายกระเป๋า Birkin ได้สูงขึ้นในจีน ท่ามกลางความกังวลของตลาดสินค้าหรู
นอกจากเรื่องของพฤติกรรมลูกค้าจีนที่เปลี่ยนไปแล้ว ยังมีประเด็นเรื่องของการปิดกั้นจากรัฐบาลจีน ที่ได้เซนเซอร์คอนเทนต์ของเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ที่ออกมาโชว์แบรนด์หรูผ่านโซเชียลมีเดีย.
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney