สหรัฐฯผู้กุม GDPโลก 25% จับตาเกมการเมือง “เลือกประธานาธิบดี” กับ “โดนัลด์ ทรัมป์“ผู้ต้านจีนและนาโต

Economics

World Econ

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

สหรัฐฯผู้กุม GDPโลก 25% จับตาเกมการเมือง “เลือกประธานาธิบดี” กับ “โดนัลด์ ทรัมป์“ผู้ต้านจีนและนาโต

Date Time: 15 ก.ค. 2567 11:09 น.

Video

แก้เกมหุ้นไทยตกต่ำ ประธานตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดแผนฟื้นความเชื่อมั่น | Money Issue

Summary

  • สหรัฐฯ ผู้กุม GDP โลก 25% เกมการเมือง “เลือกประธานาธิบดี” เขย่าทิศทาง ตลาดเงิน-ตลาดทุน กับ “โดนัลด์ ทรัมป์” อดีตผู้นำ ที่ต้านจีน และ นาโต อย่างเข้มข้น

เหตุการณ์ อดีตประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา “โดนัล ทรัมป์” ถูกลอบสังหาร ขณะปราศรัยหาเสียง "เลือกตั้ง 2024" ที่รัฐเพนซิลเวเนีย ทั้งๆ ที่พื้นที่ดังกล่าว เป็นฐานเสียงของพรรครีพับลิกัน ตอกย้ำ นี่คือช่วงอันตรายของการเมืองสหรัฐฯ และ เกมการเมืองโลกปีนี้ รุนแรงกว่าที่คิด...

แม้ยังไม่ชัด ว่ามือปืน ที่เล็งกระสุนใส่ “ทรัมป์” มีเหตุจูงใจจากเรื่องใดกันแน่ ภายใต้ เสียงประณาม จากผู้คน และ ผู้นำทั่วโลก ว่าเหตุการณ์เช่นนี้ ไม่ควรเกิดขึ้น และ ไม่ควรมีใครต้องสูญเสีย! 

สหรัฐฯ มหาอำนาจโลก ผู้กุม GDP 25% กำหนดทิศทางตลาดเงิน-ตลาดทุน 

สำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้กุม GDP โลก ราว 25% จะเกิดขึ้นจริง ช่วงเดือน พ.ย. 2024 ย้อนไปไม่นาน หลังการดีเบต รอบแรกผ่านไป ในสหรัฐฯ ได้เกิดกระแสเรียกร้องให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ถอนตัวจากการเป็นตัวแทนพรรคเดโมเครต ขณะที่ “โดนัลด์ ทรัมป์” ตัวแทนพรรครีพับลิกัน ยังคงมีคะแนนนิยมนำอยู่จากโพลล่าสุด

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลาง โลกมีความเสี่ยงรอบด้าน และถูกเขย่าขวัญ ด้วยปัญหา ภูมิรัฐศาสตร์ หลายประเทศคู่ขัดแย้ง “เกมการเมือง” ของมหาอำนาจครั้งนี้ จึงถูกจับตามากเป็นพิเศษ เนื่องจาก ทั้งทรัมป์ และ ไบเดน มีนโยบาย แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง 

ขณะนักวิชาการเศรษฐศาสตร์การเมืองของไทย “รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ” เคยวิเคราะห์ไว้ หากอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ สามารถผ่านเข้ามาเป็นผู้แทนพรรครีพับลิกัน และชนะการเลือกตั้งได้ นโยบายชาตินิยมทางเศรษฐกิจ และลัทธิกีดกันทางการค้าจะหวนคืนกลับมาอีกครั้ง และอาจจะมีแนวโน้มที่เข้มข้นกว่าเดิม ซึ่งจะมีผลต่อทิศทางตลาดการเงิน และตลาดการลงทุน ของโลก 

ส่วนการลอบสังหาร “โดนัลด์ ทรัมป์” ล่าสุด 13 ก.ค. ที่ผ่านมา ยังไม่ส่งผลต่อค่าเงินดอลลาร์และตลาดการเงินในขณะนี้ และยังไม่ได้มีผลกระทบอะไรต่อการลงทุนและเศรษฐกิจในระยะสั้น 

อย่างไรก็ตาม คงต้องติดตามว่า ความรุนแรงทางการเมืองยังจะเกิดขึ้นอีกหรือในระหว่างการรณรงค์หาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี หลังการเลือกตั้งการเปลี่ยนผ่านอำนาจในการบริหารประเทศจะเปลี่ยนแปลงด้วยความเรียบร้อยหรือไม่ 

หากเกิดความไม่เรียบร้อยขึ้นระหว่างการเลือกตั้งหรือหลังเลือกตั้ง ปัจจัยเสี่ยงทางการเมืองดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ต่อการลงทุน รวมทั้งต่อนโยบายเศรษฐกิจการเมืองระหว่างประเทศของสหรัฐฯ อันส่งผลต่อเศรษฐกิจประเทศต่างๆ ได้ 

นักลงทุน เตรียมรับมือ ผลกระทบจากนโยบายสหรัฐฯ หาก "โดนัลด์ ทรัมป์" คว้าชัยชนะ 

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส วิเคราะห์ว่า เหตุการณ์ โดนัลด์ ทรัมป์ โดนยิง ส่งผลให้การเลือกตั้งสหรัฐฯ มีความเข้มข้นขึ้น พร้อมเชื่อว่า เหตุการณ์ความไม่สงบดังกล่าว อาจทำให้ โพลคะแนนการเลือกตั้งสหรัฐฯ มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย 

โดยล่าสุดพรรครีพับลิกัน ได้คะแนนความนิยม 46 คะแนน นำพรรค พรรคเดโมแครต ที่ได้ 44 คะแนน ซึ่งก่อนหน้านี้คะแนนของทั้ง 2 พรรคอยู่ใกล้เคียงกัน

ซึ่งหากผลโพลมีความแม่นยำ และการเลือกตั้งสหรัฐฯ วันที่ 17 พ.ย. 67 ออกมาว่า พรรครีพับลิกัน ชนะ นักลงทุน อาจต้องรับมือผลกระทบจากนโยบายต่างๆ ที่ เคยเกิดขึ้นในอดีต เช่น การลดภาษีเงินได้, TRADE WAR สหรัฐฯ-จีน, การเก็บภาษี สินค้านำเข้า 10% จากทั่วโลก, ความมั่นคงและการป้องกันประเทศ, สนับสนุนพลังงานเก่า (ถ่านหิน) และอื่นๆ

ขณะบทวิเคราะห์ ของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ไม่ว่าท้ายที่สุด “พรรครีพับลิกัน” หรือ “เดโมแครต” จะได้เสียงข้างมากในสภา ทั้งสองพรรค ก็ล้วนมีนโยบายกีดกันการค้ากับจีน 

อย่างไรก็ดี หากโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกให้เป็น ประธานาธิบดีมีความเสี่ยงที่ภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนถูกขึ้นเป็น 60% รวมถึงการปรับขึ้นภาษี นำเข้าสินค้าจากประเทศอื่นๆ เป็น 10% 

นอกจากนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ มีจุดยืนไม่สนับสนุน นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม ขณะที่ในด้านทางการทหาร โดนัลด์ ทรัมป์ มีนโยบายไม่สนับสนุน นาโต (NATO) และมีแนวโน้มตัดความช่วยเหลือทางการทหารต่อยูเครน ซึ่งอาจทำให้ประเด็น ด้านสงครามคลี่คลายลง

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ Thairath Money ได้ที่ 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์