สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ราคาพุ่งทะลุระดับ 86 ดอลลาร์ ในขณะที่สัญญาน้ำมันเบรนท์ยืนเหนือระดับ 90 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 2566 หลังอิหร่านประกาศเดินหน้าตอบโต้อิสราเอลที่เปิดฉากโจมตีทางอากาศสถานกงสุลอิหร่านในซีเรีย เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
ความขัดแย้งสงครามในตะวันออกกลางทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หลังเมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา สื่ออิหร่านรายงานว่า แผนกกงสุลของสถานทูตอิหร่านในกรุงดามัสกัสของซีเรีย ถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธจากอิสราเอล ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายราย รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามอิหร่าน (IRGC) 2 ราย
ล่าสุดวันนี้ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ได้ออกมาประกาศเตรียมความพร้อมรับมือการโจมตีของอิหร่าน สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนว่าอุปทานน้ำมันโลกจะตึงตัวขึ้นไปอีก หากทั้งสองประเทศเปิดฉากทำสงครามกันโดยตรง เนื่องจากอิหร่านเป็นหนึ่งใน 10 ประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก
นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่ปรับสูงขึ้น ยังได้รับแรงหนุนจากผลการประชุม OPEC+ กลุ่มประเทศผู้ผลิตและส่งออกน้ำมัน เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ซึ่งตัดสินใจคงนโยบายขยายเวลาลดกำลังการผลิตโดยรวมลง 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ด้วยความสมัครใจไปจนถึงสิ้นเดือน มิ.ย. 2567 ขณะที่ซาอุดีอาระเบีย ผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุด จะปรับลดกำลังการผลิตลง 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน
สอดคล้องกับรายงานของ Bank of America ที่คาดว่าการขยายเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่ม OPEC+ จะทำให้ตลาดน้ำมันโลกจะเข้าสู่ภาวะขาดดุล 450,000 บาร์เรลต่อวันในไตรมาสที่สอง เนื่องจากความต้องการเพิ่มขึ้น ในขณะที่สินค้าคงคลังทั่วโลกลดลง
ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปีราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นสามเดือนติดต่อกัน โดยน้ำมันดิบ WTI ราคาเพิ่มขึ้นเกือบ 21% ในขณะที่ Brent ปรับเพิ่มขึ้น 18% โดยได้รับแรงหนุนจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง และยุโรปตะวันออก ตลอดจนตลาดอุปทานน้ำมันดิบทั่วโลกที่ตึงตัว
อ้างอิง
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney