ธนาคารเอชเอสบีซี (HSBC) หนี่งในวาณิชธนกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งเกาะฮ่องกง รายงานว่า ตั้งแต่ปี 2564 หุ้นในจีนและฮ่องกงถูกเทขายรวมกัน เสียมูลค่าตลาดไปมหาศาลกว่า 4.8 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งมีมูลค่ามากกว่าตลาดหุ้นอินเดีย
โดยดัชนีหุ้นจีน CSI 300 ทำผลงานตกต่ำลงเป็นเวลาสามปีติดต่อกัน โดยปิดดัชนีที่ระดับ 11.4% เมื่อปีที่แล้ว ในขณะที่ดัชนี Hang Seng ของฮ่องกง ทำผลงานได้แย่กว่า โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา ทำผลงานตกต่ำลงติดต่อกันเป็นครั้งที่ 4 โดยปิดดัชนีที่ระดับ 13.8% ทำให้จีนและฮ่องกงกลายเป็นตลาดหุ้นที่ทำผลงานได้แย่ที่สุด ท่ามกลางตลาดหลักในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงมีความสัมพันธ์กันค่อนข้างสูง เนื่องจากหุ้นอสังหาริมทรัพย์ของจีนจำนวนมาก รวมถึง Evergrande Group และ Country Garden ที่ประสบปัญหาผิดนัดชำระหนี้ ล้วนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (HKEX) ทำให้เมื่อเกิดวิกฤติฟองสบู่แตกในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน ฮ่องกงจึงได้รับผลกระทบไปด้วย
อย่างไรก็ตาม สถิติดังกล่าวนั้นไม่เป็นผลดีกับตลาดหุ้นจีนและฮ่องกง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตลาดหุ้นอินเดียเติบโตสวนทางในช่วงเวลาเดียวกัน เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ตลาดหุ้นอินเดียได้แซงหน้าฮ่องกงขึ้นเป็นตลาดหุ้นที่ใหญ่อันดับ 4 ของโลก โดยข้อมูลจาก World Federation of Exchanges ระบุว่า หุ้นจดทะเบียนทั้งหมดมีมูลค่ารวมกัน 4.63 ล้านล้านดอลลาร์ ทำตลาดหุ้นอินเดียใหญ่เป็นอันดับ 3 ในเอเชีย
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney